Impact-Site-Verification: 71731b28-6515-46b4-a1fe-c3af7dfa427f บทความเล่า - เมื่อ Facebook ไม่สนใจ Personal Brand? - Happy Tech Blog

Header Ads

Hightlight

บทความเล่า - เมื่อ Facebook ไม่สนใจ Personal Brand?



มันอาจจะเป็นแค่ความคิดผมก็ได้นะ แต่ผมเชื่อว่าหลายคนเป็นเหมือนผม คือ โดนระบบของพี่มาก (มาร์ค) มากเรื่องการใช้ชื่อนี่ล่ะ เอาจริงๆ ก่อนใช้งานหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่มีกฎว่าต้องใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง หรือเพิ่งมาเปลี่ยนทีหลัง ก็เราใช้งานกันมานานพอดูแล้ว facebook เนี่ย นานจนไม่รู้ว่ามาได้นานขนาดนี้ ในยุค Social ที่แบ่งบานจนเกินจุดบนสุดมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะค่อยๆ ล่วงเมื่อไหร่ เพราะว่าเริ่มสู่ยุคของ ธุรกิจเต็มสูบ หลังจากปล่อยฟรีมาพักใหญ่มาก ซึ่งผมเดาเลยว่าอาจจะมีโมเดลของ การเสียเงินเพื่อใช้ Personal Brand ในแอคเค้าท์ส่วนตัว

ทำไมต้อง Personal Brand?

ก็เพราะพี่มาร์คเกินมาก็ยุค facebook เลย อาจจะไม่ทันยุค IRC (แต่เอาจริงๆ แกคงเกิดทันแหล่ะ จึงทำให้ faecbook เป็นอะไรที่ต่างจากเดิม ทลายข้อจำกัดเดิมๆ) เพราะว่าคนในยุคนั้น ไม่แสดงตัวในโลกออนไลน์ด้วยชื่อจริง หลายคนเปลี่ยนชื่อไปมา และมีตัวตนอยู่บนโลกออนไลน์ ณ ขณะนั้น จนมาปัจจุบันนี้ เช่นตัวผมเอง ที่ใช้ Happyman มาตั้งแต่สมัยจีบสาวในห้องแชตในสมัยเรียน โน่น ไม่ได้มาจากไหนเลย ชื่อนี้ คือแค่คิดว่าชื่อมันสื่อถึงผู้ชายมีความสุข สาวๆ ก็น่าจะชอบคนที่มีความสุขใช่ป่ะ ฮ่ะๆ ก็ติดมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะผ่านกี่ยุค ICQ, Pirch, MSN หรืออื่นๆ หรือเว็บบอร์ดต่างๆ ก็ตามที ผมใช้ชื่อนี้ซะส่วนมาก แต่ก็ซ้ำ ซ้ำกับคนอื่นที่คิดเหมือนกัน ก็จะมีอีกอันนึงที่ช่วงหลังหันมาใช้เพราะว่าไม่ซ้ำกับคนอื่นก็คือ HappymanTH นั่นเอง ไม่ว่าจะช่องทางไหนก็จะใช้ชื่อนี้ เพราะชื่อนี้คือ Personal Brand ของผมเอง ที่คนออนไลน์รู้จักกันดี

แต่วันนึง facebook ก็บังคับให้เปลี่ยนชื่อ

มีอยู่ช่วงนึงจำได้ไหมครับ ที่มีคนบ่นมาก ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงแรกๆ ที่เริ่มกวาดรายชื่อ แปลกๆ บังคับให้เปลี่ยนเป็นชื่อจริง ซึ่งก็มีหลายคนเปลี่ยนและ ไม่ได้ใช้ชื่อจริง ซึ่งผมรู้เลยว่ามันตรวจสอบยากมาก โดยเฉพาะชื่อคนไทย ช่วงนั้นคาดว่ายังไม่มีพนักงานไทยเสียด้วยซ้ำ การใช้ระบบตรวจสอบเลยเป็นเรื่องยากที่จะสกรีนให้ครบทุกคน ด้วยแอคเคาท์ระดับหลายล้านบน faecbook เอง แต่ก็ทยอยโดนกันเรื่อยมา ผมเชื่อว่าหลายคนรู้สึกไม่ดีกับ facebook อย่างมาก แต่ก็ยังใช้มันอยู่เพราะโลกของเพื่อนๆ ส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ซึ่งผมเองก็โดนเช่นกัน จึงเป็นชื่ออย่างที่เห็น

รู้ไหมว่ามีหลายคนจำไม่ได้ว่าผมเป็นใคร เมื่อใช้ชื่อจริง?

ผมเติบโตมาในโลกของออนไลน์ ไม่ใช่ใน pantip ก็มีเล่นอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหลัก แต่มาสนใจเรื่อง Palm,Pocket PC เลยสิงอยู่ในบอร์ดเหล่านั้น หลักๆ จนถึงปัจจุบันก็ PDAMobiz.com นั่นล่ะครับ ทุกคนส่วนใหญ่ที่รู้จักผม รวมถึงเป็นเพื่อนใน faecbook ผมว่าน่าจะ 50% เป็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มาจากเว็บ และหลายคนก็ไม่เคยรู้เลยว่าชื่อจริงและนามสกุลจริงของผมคือที่เห็นนี่ ไอ้นี่คือใคร? จนกว่าจะโพสต์หน้าตัวเองนั่นล่ะ ถึงจะรู้ แต่พี่มาร์คไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักนิด อย่างที่บอกว่า อยากใช้ facebook เองนี่ เค้าก็ไม่ได้บังคับ

คนไทยใช้ faecbook มาเป็นอันดับต้นๆ ควรมีสิทธิต่อรอง?

ถ้าผมจำไม่ผิด คนไทยมีจำนวนผู้ใช้งานเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น ผมคิดว่า การใช้ชื่อที่เป็น Personal Brand ควรจะเป็นสิ่งที่เราเรียกร้องให้ facebook ควรทำสิ่งนี้ ไม่ใช่บังคับให้ใช้ชื่อจริง แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือ คนจำไม่ได้ อาจจะมีคนแย้งว่า ไปเปิดเพจสิ
ซึ่งอาจจะเป็นทางเลือกที่เตรียมไว้ แต่เพจผมว่ามันไม่ใช่คำตอบของการเป็น Personal Brand มันออกไปในเชิงธุรกิจเสียมากกว่าการปฎิสัมพันธ์ฉันเพื่อน ที่พูดคุย คอมเม้นท์กันแบบ ฮาๆ สนุกๆ คงไม่ใช่ วันนี้เจอสาวสวยสวย จีบเกือบติดเมาท์กับเพื่อน แล้วเลือกบู้ส status ที่คุยกันฮาๆ แบบนี้นะ? ซึ่งผมก็คิดว่าควรจะต่อรองกับ facebook แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงล่ะนะ ใครมีวิธีก็บอกหน่อยละกัน

ความปลอดภัยในการใช้ชื่อปลอม

ก็ยอมรับว่า ภัยอันตราย มิจฉาชีพ เยอะมากบน facebook โกงกันแบบว่าเพียบ แต่อย่าลืม คุณพี่มาร์คอยากสร้างสังคมดีๆ ไม่ใช่หรือ ยังไงก็ควรจะมีระบบการแสดงตัวตน หรือยืนยันตัวตน หากเขายืนยันแล้วใช่ตัวตนจริง ไม่ทางใดก็ทางนึง ก็ควรอนุญาตให้ใช้ชื่อที่ต้องการได้ อย่างบอร์ด pantip.com ที่มีการยืนยันบัตรประชาชน แล้วได้อมยิ้มหรือการรับรอง facebook ใหญ่กว่า pantip ตั้งเยอะ จะไม่มีปัญญาเลยหรอ? เรื่องการสกรีนชื่อปลอมแค่นี้เองนะ ในเมื่อสามารถสร้างสังคม social ให้ใหญ่ขนาดนี้ได้ ก็ต้องมีทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้สิ ซึ่งรู้ไหมว่า ทุกวันนี้ ก็ยังเห็นคนใช้ชื่อแปลกๆ อยู่เพียบ ซึ่ง facebook ไล่กวาดเท่าไหร่ ก็ไม่จบ เพราะเขาก็ไปสมัครใหม่อยู่ร่ำไป เป็นงูกินหาง สู้หาทางทำให้เข้าที่เข้าทางจะดีกว่า พี่มาร์คว่าไง?

facebook ลดความนิยมลง

พี่มาร์คไม่เคยรู้เลยว่ามีกลุ่มคนอีกเพียบ ที่เลิกใช้ facebook เพียงเพราะเหตุผลไม่กี่ข้อ เหตุผลหลักของคนกลุ่มนึงก็คือ ไม่อยากแสดงตัว อยากมีที่ระบาย ซึ่งพี่มาร์คคงไม่สนคนกลุ่มนี้ ในเมื่อไม่อยากทำตามกฎก็เชิญไปที่อื่นซะ ซึ่งผมเห็นเด็ก gen ใหม่ๆ น้องๆ อายุสิบขวบขึ้นไป ไปใช้ social ทางเลือกอื่นๆมากมาย ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ใน facebook เหมือนหลายปีก่อนอีกต่อไป เค้าอาจจะมี account บน facebook จริง แต่ไม่ได้เป็น social หลักของเขาอีกแล้ว gen ต่อไป่ของคนไทย อาจจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า แต่คงใช้เวลาอีกนาน จนกว่าจะมีอะไรมาตอบโจทย์ ถ้าปังขึ้นมาแล้วล่ะก็ เชื่อว่าคนไทยจะแห่กันไปใช้ social ใหม่อย่างไม่ลังเล

Personal Brand จะเกิดไหม

สำหรับผมเอง faecbook คงหลีกไม่ได้ที่จะต้องใช้งานต่อไป ในชื่อจริง แต่ Persoanl Barnd จะยังมีอยู่บนเว็บบอร์ด ซึ่งต่างประเทศยังมีใช้งานกันแพร่หลาย แต่ในไทยเห็นจะเงียบ เพราะกลุ่มต่างๆ บน facebook กำเนิดขึ้นมาเยอะมาก แต่เชื่อว่าเว็บบอร์ดเอง จะค่อยๆ กลับมา อาจจะมีกลุ่มคนที่ใช้ไม่มากเท่า facebook แต่ก็เป็นอีกที่นึงที่จะช่วยให้ เรามี Personal Brand ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องแสดงตัว หรืออาจจะแสดงตัว โดยลิงค์กับโปรไฟล์ของ facebook เอง ซึ่งเป็นอีกทางเลือกของคนกลุ่มนี้ ผมเองก็มี social อื่นๆ นอกเหนือจาก facebook เพียบเลย แต่ไปสืบเสาะดูแล้ว แต่ละ social ก็มีจุดเด่นของตัวเอง มีกลุ่มคนใช้เฉพาะจริงๆ สุดท้ายผมเดาว่า faecbook อาจจะฉุกคิดว่ามีแบบนี้ด้วย และอาจจะมีการเก็บค่า Personal Brand รายปีก็เป็นไปได้นะ ผมว่ามันต้องเกิดสิน่า

#HappyTechBlog #DaddyTechTH

ไว้ไปแปะบน blog ตัวเองอีกเช่นเคย
https://www.facebook.com/HappyTechBlog/
https://www.facebook.com/DaddyTechTH/



ไม่มีความคิดเห็น

======= Start Skimlink ======= ======= Stop Skimlink =======