True Young Blogger #6 เมื่อความยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคน

    อีกครั้ง สำหรับโครงการ True Young Blogger รุ่นแรก ครั้งนี้เป็นเรื่องของความยั่งยืน รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ปัจจุบันยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ เราต้องการความร่วมมือของทุกคน ทุกภาคส่วน คนละเล็กละน้อยเพื่อความยั่งยืน ของสังคม ประเทศ โลก เพื่อให้ลูกหลานของเราต่อๆ ไป


สำหรับครั้งนี้ ได้วิทยากรจาก True Sustainability ซึ่งเป็นหน่วยงานเกี่ยวกับความยั่งยืนที่นำมาปรับใช้กับองค์กรของ True เอง งานนี้ได้แง่คิดติดมือกลับมาไม่น้อยเลย เรื่องของความยั่งยืน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากเกินไปที่เราคงไม่ได้ใส่ใจมากนัก

ความยั่งยืนจะไม่สำเร็จเลย ถ้าเราไม่ร่วมมือกันเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือจะต้องเกิดจากทุกภาคส่วน ถ้ามีแค่เีพียงฝ่ายเดียวคงไม่สำเร็จ

สิ่งที่เราทำได้ในเรื่องของความยั่งยืน ผมว่ายังไงเราต้องเริ่มจากตัวเราก่อน แต่จะให้ยั่งยืนคือ เราต้องหันมาบอกคนรอบข้างให้ทำร่วมกัน เพื่อจะได้แผ่ขยายไปยังสังคมใหญ่ พลังของคนส่วนใหญ่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้

 ความยั่งยืนจะเกิดได้ คือเราต้องมองข้ามตัวเราเอง มองข้ามเงิน และมองให้เห็นอนาคต ผมชอบตรงที่วิทยากรบอกครับ อันนี้โดนใจมาก คือ ให้เราคิดว่า ธรรมชาติที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ เรายืมเค้ามาใช้ ไม่ได้เป็นของเรา เค้าในที่นี้ก็คือลูกหลานของเราในอนาคต คิดดูสิว่า หากเราใช้หมดแล้ว อนาคตลูกหลานจะเอาที่ไหนใช้ หรือว่าต้องย้ายไปอยู่ดาวอังคาร?

 ปัจจุบันเราใช้ชีวิตโดยไม่ได้คิดถึงคนอื่น ข้อมูลเหล่านี้มักจะมาไม่ถึงเราหรือไม่ก็มาถึงแล้วก็ผ่านไป อาจจะไม่ได้เป็นสลักสำคัญอะไร แต่หากคิดไปลึกๆ แล้ว การกระทำของเราทั้งหมด ล้วนส่งผลกระทบต่อมนุษย์ทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น กินข้าวไม่หมด เหลือทิ้ง ไม่อร่อย ทิ้ง เพราะเราคิดว่าเงินเราจ่าย สิทธิของเรา แต่อาหารเหล่านั้น มีความหมายกับ 795 ล้านคนที่ขาดสารอาหาร และ 836 ล้านนที่ยังไม่มีเงินซื้อกิน ถ้าคิดกว้างไปอีก ถ้าอาหารเหล่านั้นถูกใช้อย่างจำเป็น จะทำให้อาหารในโลกของเราเหลือเพียงพอกับคนจำนวนมากที่ยังขาดแคลน รวมถึงเหลือไปถึงลูกหลานของเราอีกด้วย

   จากภาพด้านบนคือการกระทำสิ่งต่างๆ ที่ล้วนแล้วเกิดผลกระทบต่อความยั่งยืนในด้านต่างๆ ซึ่งเราสามารถเริ่มได้ง่ายๆ ด้วยการตั้งเป้าในการกระทำในชีวิตประจำวัน ให้รู้คิด รู้ใช้ รู้วินัย รู้ใจตัวเราเอง เหมือนพี่ตูนที่ออกมาวิ่งและบอกไว้ว่า ถ้าเราสุขภาพดี ก็ช่วยโรงพยาบาลและประหยัดเงินไปได้เยอะแล้วนะครับ ซึ่งจะเข้าในหัวข้อ 3 ในเรื่องของ Good Health And Well-Being ซึ่งมีแอปให้ดาวโหลดด้วยชื่อ SDGs In Action เป็นแอปที่ช่วยให้เราเข้าใจ เข้าถึงความยั่งยืน ให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมถึงตั้งเป้าเพื่อลงมือทำได้ทันที

    เป็นอีกครั้งที่ True Young Blogger ได้ปลูกจิตสำนึกดีๆ ความยั่งยืน ไม่ได้มีเฉพาะองค์กร แต่ยังมีอีกหลายภาคส่วน รวมถึงความยั่งยืนในชีวิตของเราด้วย ผมคิดว่าเราน่าจะได้คอนเซ็ปท์ดีๆ แนวคิดดีๆ จากบทความนี้กันบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ส่วนผมเอง ไม่ได้อะไรมาก เป็นคนชอบวิ่ง ก็คงอยู่ในแนวๆ ข้อ 3 นั่นล่ะครับ เกี่ยวกับสุขภาพ เพราะเอาง่ายๆ คือแค่เราสุขภาพดี ก็ไม่ต้องพึ่งโรงพยาบาล ถ้าเข้าโรงพยาบาล ก็โดนหลายตังค์ ประหยัดตังค์ได้อีกต่างหาก และสุขภาพที่ดี เราก็ทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการงาน กิจกรรมต่างๆ อีกมากมายในชีวิตประจำวันของเรา ทุกการกระทำของเราทุกคนส่งผลต่อความยั่งยืนอย่างแน่นอน ดังนั้นคิดก่อนทำสักนิดนะครับ