Impact-Site-Verification: 71731b28-6515-46b4-a1fe-c3af7dfa427f ทำความเข้าใจเรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5 - Happy Tech Blog

Header Ads

Hightlight

ทำความเข้าใจเรื่องฝุ่นจิ๋ว PM2.5




   เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพเราโดยตรง และผมเองก็เป็นสายเทคที่ชอบศึกษากับเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในตัวอยู่แล้ว ตามคอนเซ็ปท์ของ blog ครับ Happy กับเทคโนโลยีและชีวิตมนุษย์ ซึ่งเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้สนุก และมีความสุขในการใช้ชีวิต (ซึ่งจริงๆ มันก็มีด้าน เศร้า เหงา เพราะรักเหมือนกัน) ฮา เอาเป็นว่าวันนี้มาทำความเข้าใจเรื่องฝุ่น PM 2.5 และภาพรวมกันดีกว่านะ เลิกวิตกกังวลจนเกินเหตุ และป้องกันไว้ดีกว่าแก้ และอย่าไปตามกระแสจนมากเกินไป


ฝุ่น PM2.5 ไม่ใช่เพิ่งมี


 จริงๆ จะว่ากระแสในช่วงนี้ที่มาแรง มันไม่ใช่เพิ่งมี ผมคุยกับวงสนทนาเพื่อนๆ ประจำว่า เรื่องฝุ่น เราเจอกันมานานมากแล้ว แต่แค่สมัยก่อน ไม่มีเครื่องมือวัด หรือตรวจสอบ จะมีก็แต่หน่วยงานรัฐ และสมัยก่อนก็ไม่มี social ที่มันมาไวไปไว รู้ไวเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นเราสูดกันมานานแล้ว แต่อาจจะไม่ใช่ปริมาณที่มากพอจะทำให้เกิดโรคได้ เพราะสมัยก่อนมันยังไม่เยอะเท่าปัจจุบันนั่นเอง และเชื่อว่าปีหน้ากระแสนี้จะกลับมาอีกในช่วงหน้าหนาว



เอาง่ายๆ นะครับ คือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่ ไม่นับว่าที่เพิ่มขึ้น ปล่อยควันพิษออกมาก็เท่าไหร่แล้ว? สงสารก็ชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ที่สูดอากาศพิษมานาน และเคยได้ยินข่าวบ้างครั้งที่ชาวบ้านทนไม่ไหว มีฟ้องร้อง เรื่องเหล่านี้เป็นพักๆ เพราะเค้าโดนกันเต็มๆ แต่นี่ไม่ใช่แล้ว เพราะมลพิษที่เกิดขึ้น มันมาจากหลายสาเหตุ ไม่ใช่เพียงแค่โรงงานเท่านั้น ยังมีเรื่องผลพิษทางการใช้ยวดยานพาหนะต่างๆ อีกเพียบ รถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทุกปี รถดีเซลที่ขับคนเดียว แต่ก็ยังใช้อยู่ รถที่หมดอายุ พ่นควันขาว ควันดำ ฯลฯ และอีกมากมาย อย่างที่เรารู้ ทุกคนช่วยกันสร้างมลพิษขึ้นมา ถึงเวลาแล้วที่เราจะช่วยกันลด ละ เลี่ยง การสร้างมลพิษกันนะครับ นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่บางครั้งพวกรถไฟฟ้า ไม่ต้องใช้น้ำมัน มันช่วยได้ในระยะยาว แต่ก็ไม่ได้รับการผลักดันอย่างชัดเจน และอีกหลายเรื่องที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่เนื่องจากธุรกิจที่สร้างมูลค่าให้กับ นายทุน และบางครั้งก็อาจจะมีเรื่อง GDP ของระดับประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเป็นลูกโซ่ที่อาจจะปฎิเสธไม่ได้ แต่เมื่ออยากให้เศรษฐกิจโตโดยไม่ดูผลกระทบในภายภาคหน้า เราก็ต้องรับ และปรับตัวกันไป

ความรู้ความเข้าใจอยู่ที่ไหน


เข้าเรื่องดีกว่า มาทำความเข้าใจฝุ่นตามหัวข้อกันสักที โดยผมเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายนักหรอกครับ แต่ผมมีคอนเซ็ปท์ ที่ใช้ชีวิต ไม่ต้องไปวิตกกังวลจนมากเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย จนไม่ป้องกันนะ คือเอาให้พอดี ซึ่งการที่เรามีข้อมูลมากพอ จะช่วยให้เราตัดสินใจและใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงมากนัก มาทำความเข้าใจกันดีกว่าครับว่าเจ้าฝุ่นจิ๋ว รวมถึงฝุ่นขนาดอื่นๆ เป็นยังไงกันบ้าง ทั้งหมดนี้คือความรู้ที่ รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริมา ปัญญาเมธีกุล และ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ เขียนขึ้นมา อ่านให้ครบทุกตอนแล้วจะเข้าใจ และปรับใช้งานได้ตลอด ซึ่งทานอยู่ที่
ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วนะครับ อ่านครบแล้ว ผมเชื่อว่าจะมีความเข้าใจกับ PM 2.5 ฝุ่นจิ๋ว กันมากขึ้นเยอะเลยล่ะ


ดราม่า เรื่อง PM2.5 ตอน 1: ความเข้าใจพื้นฐาน
https://thaipublica.org/2018/04/air-pollution01/

ดราม่า เรื่อง PM2.5 ตอน 2 : มาตรฐานที่ต่างกัน
https://thaipublica.org/2018/05/air-pollution02/

ดราม่า เรื่อง PM2.5 (ตอน 3): สถานการณ์ของ กทม.
https://thaipublica.org/2018/05/air-pollution03/


ดราม่า เรื่อง PM2.5 ตอน 4: รู้ให้ไว ไหวให้ทัน
https://thaipublica.org/2018/05/air-pollution04/

ดราม่า เรื่อง PM2.5 (ตอน 5) : ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
https://thaipublica.org/2018/05/air-pollution05/

ดราม่า เรื่อง PM2.5 (ตอนจบ) : PM2.5 กับ AQI
https://thaipublica.org/2018/05/air-pollution06/


ควรมีเครื่องมือป้องกันติดตัวติดบ้าน




 และในปัจจุบันที่ผมรีวิวเจ้า รีวิว Xiaomi Mi PM2.5 Air Quality Monitor ตัววัดคุณภาพอากาศที่ต้องมีไปแล้วนั้น มันเป็นเครื่องมือนึงในการตรวจวัด ที่ช่วยให้เรารู้ถึงสภาพอากาศรอบตัวว่าเป็นอย่างไรในเบื้องต้น ดีกว่าดูใน app เพราะว่าใน app ไม่รู้ว่าเค้าเอาค่ามาจาก sensor ที่ตำแหน่งไหน และอาจจะเป็นแค่ภาพอากาศ ณ จุดนั้นอย่างเดียวก็ได้ ซึ่งบางทีก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับสภาพอากาศใกล้ตัวเราเลย ดังนั้นผมแนะนำว่าควรมีติดตัวไว้



    รวมถึงพวกเครื่องกรองอากาศ ที่ช่วยปรับสภาพอากาศในบ้านเรา ถ้าหากมีงบประมาณถึง ก็แนะนำให้ซื้อมาติดบ้านไว้ เพราะเชื่อว่าในปีนี้หากไม่ได้ใช้ เพราะช่วงที่เขียนอยู่นี้ แถวบ้านผมอากาศดีขึ้นเยอะ จนเข้าสภาพอากาศปกติแล้ว แต่ยังไงปีหน้าในช่วงหน้าหนาว สภาพแบบนี้คงกลับมาอีก ถ้าเรายังใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม ไม่มีการปรับปรุงหรือร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน ปล่อยให้กระแสนี้ผ่านไป พอเงียบก็เหมือนเดิม ปีหน้าก็จะมาใหม่ เหมือนบทความที่เขียนขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว และมีกราฟแสดงให้เห็นด้วยว่า สภาวะอากาศพิษแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งหากเจอเครื่องกรองอากาศที่มีราคาแพง หรือโก่งค่าตัวไปโอเว่อร์มากนัก อย่ารีบซื้อ ให้รอสักพัก จนราคามันนิ่งก่อน ค่อยซื้อครับ เพราะ ฝุ่นจิ๋วต้องใช้เวลาและปริมาณสะสมในร่างกายในระดับนึงเลยล่ะ กว่าจะเห็นผล แต่ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนเราด้วยนะครับ ซึ่งถ้ามีโรคเกี่ยวกับปอดหรือหัวใจ ก็ควรระวังให้มาก และหลีกเลี่ยงรวมถึงป้องกันให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้เลย

ผมแนะนำแบบนี้ครับ


   เมื่อได้อ่านบทความด้านบนแล้ว ก็จะมีความเข้าใจ พอมีความเข้าใจ ดังนั้นเราก็จะใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไม่อึดอัด ไม่ต้องสวมหน้ากากทุกครั้ง ยกเว้นแต่ว่าจะเอาความสบายใจ ซึ่งอย่างที่รู้ว่าการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้ร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอจะไปใช้เลี้ยงสมอง หรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย จะป้องกันอาจจะเกิดเป็นโทษอีกด้วย



     ร่างกาายเรามีเซ็นเซอร์ที่สร้างมาอยู่แล้ว จมูกเรานี่ล่ะครับ เพียงแค่เราสังเกตหน่อย เช่น มีการอารไอ จาม หรือแสบคอ แสบจมูก ก็รีบตรวจเช็ค และป้องกันได้เลย ถ้ามีเครื่องมือวัดติดตัวก็เอาออกมาวัดเพื่อยืนยันว่าแถวนั้นมีฝุ่นจิ๋วเกินค่ามาตรฐานหรือไม่ ถ้าไม่เกิน ก็แสดงว่าอาจจะมีพวกเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือไวรัส ซึ่งมีขนาดเล็กกว่านั้นมาก อันนี้ก็ป้องกันกันไปตามอาการ อาจจะติดหวัด หรืออะไรโรคระบบทางเดินหายใจ ให้ชัวร์ก็ต้องไปพบแพทย์ ล่ะครับ

 สถานที่ที่ควรใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นจิ๋ว


     สถานที่ที่ควรใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นจิ๋ว คือทุกที่ที่เป็นสถานที่โล่งแจ้ง มีอากาศถ่ายเท เช่น ในสนามหญ้ากว้างๆ บนรถไฟฟ้า BTS ตามทางเท้าบนท้องถนนต่างๆ ทุกที่มีสิทธิที่จะมีฝุ่นจิ๋วหมด อย่างที่บอกว่าเอาชัวร์ใช้เครื่องวัดครับ แต่ช่วงที่ผ่านมาที่อากาศมีมลพิษเยอะๆ คือทั้งหมดที่เป็นสถานที่เปิดอากาศภายนอกเข้าได้นี่ชัวร์เลย  ส่วนในสถานที่ปิด เช่นที่ทำงาน ภายใน MRT และสถานี แบบนี้ผมเรียกว่า 100% เลยก็ได้ ที่อากาศโอเคมาก เป็นสีเขียว คือถือว่าปลอดภัยจากฝุ่นจิ๋วอย่างแน่นอน



   สำหรับผมเองมีหน้ากากป้องกันที่ใช้ขี่จักรยานตอนเช้าๆ เพื่อไปจอดไว้ขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งผ่านถนนที่มีฝุ่นอยู่แล้ว ใช้งานมาตลอดก่อนมีกระแส ซึ่งก็ใช้งานได้ดีเลยทีเดียว ลองตามที่ blog ได้ครับ มีรีวิวเอาไว้แล้วเช่นกัน และแบบวีดีโอให้เห็นว่าเป็นยังไงกันบ้างกับหน้ากากกันฝุ่นมีพัดลมในตัว ก็ขอให้อย่าตามกระแส แต่ดูครับว่าการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เสี่ยงมากน้อยแค่ไหน และพยายามปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันล่ะครับ ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเทคโนโลยีที่มีในมือนะ

ฝากกดติดตามในแต่ละช่องทางกันด้วยนะคร้าบ
https://twitter.com/HappymantH
https://www.facebook.com/HappyTechBlog

https://twitter.com/HappymantH
https://twitter.com/HappymantH
 
https://www.instagram.com/happymanth/
https://www.instagram.com/happymanth/

https://www.youtube.com/channel/UCaXl6eUpihpx8bJTLMyNRsA
https://www.youtube.com/channel/UCaXl6eUpihpx8bJTLMyNRsA

ไม่มีความคิดเห็น

======= Start Skimlink ======= ======= Stop Skimlink =======