เรื่องทั่วๆ ไปในเกม
จากเท่าที่ลองเล่น ไม่นาน ตัวเกม ก็ยังคงเป็นเกมแนวต่อสู้ตามปกติ ต่อยๆ กันไป พลังหมดก็แพ้ กติกาง่ายๆ ที่เป็นพื้นฐานเกมต่อสู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
- เรื่องระบบ กลไลการเล่น
สิ่งที่สร้างความแตกต่างก็คือกลไกการเล่น หรือระบบ หรือจะเรียกว่า mechanic ที่มีทั้งใหม่และเป็นลูกผสมจากภาคเก่าๆ ที่ผ่านมา เรียกว่ามิกซ์อัพกันก็ว่าได้ แต่ผสมออกมาได้ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการ parry ที่เคยเป็นระบบหลักในภาค 3 และ 4 ที่มีการปรับปรุง parry ไปอีกสเต็ป แต่ได้หายไปจากระบบหลักในภาค 5 (มีแค่บางตัวที่ทำได้) ก็กลับมาในภาค 6 นี้ พร้อมรวบเอาทุกภาคมาอยู่ในนี้ด้วย คนเล่น 3 และ 4 น่าจะชอบ แม้ว่าวิธีอาจจะไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว ระบบ drive impact ที่ต้องบอกว่าใหม่ในภาคนี้ และยังยกเอาระบบ Reversal ที่ไม่แน่ใจว่ามีตั้งแต่ภาคไหน แต่ภาค 5 นี่มีแน่ๆ มาอยู่ในภาค 6 ด้วย
การใช้ท่าไม้ตาย อันเป็นรู้กันว่าทุกเกมต้องมี และแน่นอน SF6 ก็ติดมาด้วยเช่นกัน แต่ปรับจากภาค 5 มาเป็นมิกซ์ระบบ คล้ายภาค Zero (Alpla) ที่แยกเอาท่าไม้ตาย หรือท่า Super ในระดับต่างๆ กับท่ากดที่แตกต่างกัน รวมถึง Critical Art ที่เป็นชื่อเรียกท่าไม้ตายในภาค 5 ก็เป็นท่าไม้ตายสูงสุดในภาค 6 ด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ CAPCOM ทำออกมาในทุกๆ ภาคของสตรีทคือ ความแตกต่างของระบบในการเล่น แตกต่างจากเกมต่อสู้อื่นๆ ที่มักจะคงพื้นฐาน รวมถึงคอมโบตัวละครเดิมๆ เอาไว้แบบค่อนข้างมาก ซึ่งสตรีททุกภาคที่ออกมาหากเปลี่ยนชื่อภาค หรือชื่อซีรีส์ เช่น 4 =>5 หรือ 5=>6 จะเห็นชัดๆ ถ้าเป็นซีรีส์เดียวกันเหมือน SFZ และต่อด้วยเลขภาคตาม แบบนี้ก็จะเหมือนเดิมซะ 80-90% อาจจะมีตัวละครเพิ่ม ก็คล้ายกับ SF4 ที่ไปจบตรง Ultra ก็ระบบเดิมๆ ถ้าภาค 5 ก็ Champion Edition
ภาค 6 คือ มีระบบเกจ ที่ต่างออกไป เป็นเกจ ท่าไม้ตาย แยกกับเกจ ท่า EX หรือท่าพิเศษต่างๆ รวมถึงใช้ไปกับ Drive impact และอื่นๆ ที่หมดแล้ว จะเหนื่อย แล้วอยู่ในสภาวะ Burn out ที่ทำอะไรก็จะช้ากว่าเดิม การป้องกันก็ด้อยกว่าเดิม รวมถึง สภาวะมึน ที่ปกติ เกจป้องกันลดจนหมดเมื่อโดนโจมตีก็จะมึนในภาคก่อนๆ ภาคนี้ต้อง Burn out แล้วโดย drive impact ชนกำแพง ถึงจะมึน
ระบบชนกำแพง เห็นกันมาเยอะในเกม Tekken แต่อันนั้นก็แล้วแต่ฉาก แต่สำหรับ SF6 ฉากทุกฉาก มีพื้นที่น่าจะเท่ากันหมด และมีกำแพงทั้งสองด้านทุกฉาก ไม่มีฉากไหนที่ไม่มีกำแพงเหมือน Tekken ซึ่งก็เป็นปกติของเกม fighing ล่ะนะ แต่แค่ SF6 มันมีการกระแทกกำแพงทำให้เสียหลัก หรือมึนได้ถ้า Burn out นั่นล่ะ
ด้วยระบบพื้นฐานทั้งหมดที่มีการปรับใหม่ ในการเล่น closed beta ก็สนุกขึ้น ถ้ามีความเข้าใจแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับฝีมือ และประสบการณ์
- การวางตัวละครต่างๆ
อันนี้ถือว่าดี มีการเปลี่ยนแปลงไปจากภาคเดิมๆ ปกติใครที่ตามติดก็จะลุ้นกันว่า ตัวละครจากภาคเก่าๆ จะมาในภาคนี้บ้างไหม ซึ่งจาก closed beta ก็มากันเยอะเลย พ่วงตัวละครใหม่มาให้เทสด้วย ซึ่งผมเข้าใจว่า เป็นการวางตัวละคร ให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ๆ เพราะปกติจะมีแต่ เจนเนอเรชั่นคุณลุง ที่คุ้นเคยและยังเล่นเกมแบบนี้อยู่ ปัจจุบันแนวเกมที่นิยมสำหรับเด็กรุ่นใหม่คือ MOBA หรือไม่ก็ Battle Royale แต่สายต่อสู้มีสัดส่วนน้อยมาก ในภาคนี้จึงดึงเอาตัวละคร และการดีไซน์สีสันในเกมให้ดูทันสมัย โดนใจคนรุ่นใหม่ รวมถึง การวางตัวละครให้เข้าถึงเด็กรุ่นใหม่ ให้ไปนั่งอยู่ตรงกลางใจ คล้ายกับริว และเคน ที่ยังคงเป็นตัวละครที่อยู่ในใจคุณลุงหลายๆ คน และทำให้ตามติดซีรีส์นี้มาโดยตลอด เชื่อว่าจะมีสตอรี่โหมดที่เข้มข้นเพื่อต่อยอดในอนาคต ปัจจุบัน ต้องรอว่าพอเกมออกมาจริงๆ แล้ว ตัวละครทั้งหมดจะมีใครบ้าง จริงๆ ก็หลุดมาแล้วล่ะ รอเฟิร์ม การที่ closed beta มีทั้งตัวเก่า และใหม่ให้ทดสอบ ถือว่าเป็นการชิมลางที่ดี และตัวละครแม้ว่าจะใหม่ แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของความเก่าอยู่บ้างเช่น kimberly ที่ยังมีวิชาของหลายๆ ตัวรวมถึง หลักๆ มาจาก GUY ของ Final Fight หรือ Jamie เองที่ใหม่สดซิง ริว เคน นี่ตัวหลัก ยังมี Luke ที่เป็นตัวละครตัวสุดท้ายที่โกงสุดในภาค 5 ที่ปูทางมาต่อยอดในภาค 6 ด้วย (เสียดายที่ภาค 5 ไม่ได้เน้นเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ชัดเจนมากนัก)
- เรื่องกราฟิคและระบบเสียง
อันนี้ก็แน่นอนเลยว่าปรับมาเป็น RE Engine ซึ่งเป็นค่ายตัวเองและทำออกมาได้ดี บอกเลยว่าภาค 5 นี่ นอกจากบวมแล้วยังกินสเปคเครื่องสุดๆ อีกต่างหาก อาจจะด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของ Unreal Engine แต่พอเป็นตัว SF6 RE Engine ดูลื่น สมูท กินเครื่องน้อยกว่า ซึ่งคงตอบยากเหมือนกัน เพราะต้องรอให้ตัวเกมออกมาเต็มๆ ก่อนถึงจะรู้ว่ากินมากน้อยแค่ไหน แต่หลักๆ คือเกมใหม่ ก็ต้องอัปคอมใหม่กันไป หากใครใช้ PS4 ก็คงต้องรอโหลดกันเหมือนเดิม กรณีตัวออกมาครบ data ตัวเกมหลายสิบ GB จะยังเร็วแบบนี้ไหมนะ? กับสีสันในเกม splash หรือการสาดสีใส่กันระหว่างเกม มีตลอด และโทนสี ต่างๆ ก็ฉูดฉาด มีสีสันตลอดเกม กราฟิค ที่ปรับไปได้ถึง 2K จำความละเอียดไม่ได้ว่าไปถึงเฟรมเรท 120 หรือ 144H ไหม แต่ เฟรมเรท 60 นี่พื้นๆรวมถึงระบบเสียงต่างๆ ด้วย ต้องบอกว่าเป็นเพลงประกอบสินะ ที่ดูแล้วมีความทันยุคสมัย เอาจริงถ้าจะจัดเต็ม ก็อัปเกรดจอไปที่ 2K ได้เลย ฝั่ง console ก็จอ 4K ยืนพื้นไป closed beta มาก็ดีจะได้รู้ว่าต้องเตรียมอัปเกรดกันสินะ
- ระบบ Online
จริงๆ ระบบเต็ม น่าจะมีอีกหลายโหมดให้เล่น สนุกๆ แต่ closed beta นี่ให้เล่นได้เฉพาะ Battle Hub ที่สามารถเลือก server ได้ทั่วโลก ครั้งนี้ CAPCOM ทำการบ้านมาดีจริงๆ สำหรับระบบออนไลน์ การต่อสู้ที่มีบอกรายละเอียดเฟรมดรอป รวมถึง การเล่นข้ามประเทศที่บอกเลยว่าภาค 5 นี่แย่มาก แต่ในภาค 6 ที่เชือว่าเกมออกมาก็จะปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม ซึ่งเล่นกันอย่างลื่น ลื่นแบบไม่คิดว่าจะได้เจนในซีรีส์ Street Fighter ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบมากนัก แต่ก็รู้สึกว่าดีกว่าเดิมเยอะเลย
Battle Hubs สถานที่ ที่เข้าไปเจอกันได้ ได้ฟีลลิ่งหยอดเหรียญเกมตู้ เหมือนสมัยวัยรุ่น ต่อคิวหยอดเหรียญ เพียงแต่ในนี้มีตู้เพียบ จะยืนต่อคิวหรือจะไปดูเค้าเล่นก็ได้ ไปท้าสู้ก็ได้ แล้วแต่สะดวก แต่มันจะมีเรื่องการต่อคิว สลับคิว ดูเหมือนจะไม่ค่อยสมูท คือมันหลุดออกมาก่อนแล้วค่อยกดเข้าไปอีกที อันนี้ก็ไม่ค่อยได้ไปต่อคิว แต่พอไปเจอเหมือนกันว่า มันไม่ต่อเนื่องกันเหมือนที่ไปนั่งรอในภาค 5 คงต้องดูตอนตัวเกมออกอีกที
- การสร้างตัวละคร
สิ่งที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยก็คือ การแต่งตัวละคร อันนี้คือ เป็นเกมที่เหมือนพวกเกมภาษา หรือเกม Action MMORPG ที่ยุคหลังสามารถแต่งตัวละคร ได้ ซึ่งใน SF6 สามารถสร้างตัวละครเป็นตัวเราเข้าไปโลดแล่นอยู่ในโลกออนไลน์ของเกมได้ จากที่พรีเซนต์ของ capcom คือเราจะเอาตัวละครไปท่องอยู่ในเมืองเมโทรซิตี้และฝึกวิทายุทธต่างๆ ได้ แต่ใน closed beta นี้เอาไปเล่นใน battle hubs ซึ่งสามารถปรับรายละเอียดได้แบบละเอียดมากๆ คือหน้าผม คิ้ว ตา รูปหน้า โตรงหน้า รูปร่าง แบบปรับได้ละเอียดมากๆ ถึงมากที่สุด ผมจึงคิดว่า อาจจะมีอาชึพในอนาคตเลยเสียด้วยซ้ำ กับการสร้างตัวละครที่มีความเหมือนผู้เล่นจริงๆ รับจ้างสร้าง character ให้เหมือนเจ้าของจริง แล้วนำไปโลดแล่นอยู่ในโลก Online แต่ก็จะไปเจอใน closed beta ว่ามีอะไรแปลกๆ เพียบ คือแบบสร้างสัดส่วนไม่สมตัว หน้าตาแปลกๆ หรือไม่ก็ผอมจนเกินไป และอีกเพียบ ก็สร้างเป็นสีสันได้ไปอีกแบบ แน่นอนว่าการแต่งตัวละคร เสื้อผ้า หน้าผม เครื่องประดับ ก็มีเพียบ งานนี้ต้องเสียตังค์จริงกันอย่างแน่นอน สำหรับใครที่เป็นสายแต่งตัว อนาคตอาจจะมีอีเวนต์ จัดประกวดการแต่งตัว หรือไม่ก็มีการล่าไอเท็ม ชุดต่างๆ หรือทำการซื้อขาย หรืออื่นๆ อีกในอนาคตด้วยนะ ถ้ามันปัง Capcom ก็เอาไปต่อยอดเรื่อง ชุดจากแบรนด์ต่างๆ เช่น รองเท้า เสื้อผ้านกีฬา เอามาอยู่ในเกมจริงๆ หรือ Uniqlo ที่เคยจับมือเอาลายไปอยู่ในเสื้อยืด งานนี้อาจจะเห็นแบรนด์ อยู่ในเกมกันบ้างล่ะ
- โหมดเกม Extreme
ส่วนใหญ่ ก็อาจจะไปเน้นด้านการเล่นสู้ชนะกันตามปกติ แต่สำหรับโหมดนี้ ผมว่าดี สำหรับการเล่นของมือใหม่ หรือในผองเพื่อน ที่อาจจะทั้งเล่นเป็นและไม่จำเป็นต้องเล่นเป็นหรือเก่ง เพราะโหมดนี้ มีเงื่อนไขต่างๆ พร้อมที่จะทำให้บาลานซ์ความสนุกระหว่างเพื่อนได้ ถ้าฝีมือห่างกันมาก แต่เงื่อนไขใน Extreme mode จะทำให้ลดความห่างลงมา แต่กระนั้นเอง ก็ต้องคิดและเข้าใจในตัวเกมเช่นเคย ท่าอาจจะกดติดหรือไม่ติด ไม่ใช่ปัญหา อยู่ที่ว่าใช้ การแตะค่อย ทั่วไป และป้องกันให้แน่นๆ ก็อาจจะทำให้ชนะได้ Extreme Mode เป็นตู้ที่อยู่ใน Battle Hubs ซึ่งเรียกว่าเป็นตู้พิเศษก็ว่าได้ เช่นจะมีเกมย่อยๆ หรือกติกาย่อยกำหนดไว้นอกจากการเอาชนะกันด้วยทำให้อีกฝ่ายพลังหมด อาทิเช่นมีเงื่อนไขที่จะต้องทำให้ครบเพื่อชนะได้ เช่นต้อง เตะให้อีกฝ่ายล้ม จะได้ 1 คะแนน จับทุ่มอีกฝ่ายได้ จะได้ 1 คะแนน ง่ายๆ แค่นี้เอง หรือการทำประคองเกจตรงกลางให้มากกว่าคู่ต่อสู้ โดยที่มีอุปกรณ์ต่างๆ ในเกม เช่น ระเบิด ไฟฟ้า กระทิงวิ่งชน อะไรแบบนี้ เป็นโหมดที่สนุกดีนะผมว่า
- สิ่งนึงที่มองข้ามไปไม่ได้เลยสำหรับ closed beta ก็คือ โหมดการฝึก ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นเยอะเลย พื้นฐานเกี่ยวกับการอ่านเฟรม ที่ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็ทำให้เข้าใจได้มากขึ้น ที่เหลือก็อยู่ที่การฝึกซ้อม
- ลืม มาเพิ่ม โหมด Game Center หรือตู้เกมเก่า
อันนี้คือสนุกเลย เอาเกมสตรีทเก่า มาเล่นได้ กับ Final Fight เล่นแข่งเอาคะแนนเหมือนสมัยก่อน แข่งทำคะแนนกันก็ได้อีก ภาพคือเดิมๆ ดังนั้นถ้าจะซื้อ SF6 ก็น่าจะได้ตัวเกมเก่าพวกนี้ติดมาด้วย ผมเชื่อว่า CAPCOM จะเอา collection มาใส่เพิ่มให้เสียตังค์ในนี้ด้วย มีเกมที่ให้เล่นอยู่ไม่กี่เกมแต่ที่เหลือซื้อเพิ่มดิครับรอไร แต่ก็เล่นเพลินดีนะใน closed beta นี่
แน่นอนว่าส่วนอื่นๆ ก็ยังมีอีกเพียบที่มันแบบว่า ดู experience ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังตอบอะไรไม่ได้เพราะเป็นแค่เกมที่ยังไม่สมบูรณ์ หลักๆ ไปเน้นกันที่การเล่นเสียมากกว่า ส่วนเมนู การดูมุมกล้อง การคอนโทรลใน battle hubs ยังต้องปรับอีกเยอะ รอตัวเกมเต็มๆ ออกมาค่อยว่ากันอีกที
แต่โดยภาพรวมแล้ว ดีใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะโดนใจคนรุ่นใหม่แค่ไหนแฮะ