Type Here to Get Search Results !

ช่วงวิกฤตการณ์ทางการเมืองทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องทำงานจากที่บ้าน ..ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ “โฮมเน็ตเวิร์ก” ของคุณต้องการอัพเกรด?”

0


โดย บีพี ตัง ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของลิงค์ซิสและเบลคิน

ช่วงวิกฤตการณ์ทางการเมืองขณะนี้ อาจเปรียบเหมือนการรีเพลย์ภาพของมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2554ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่และประชาชนกว่าหนึ่งล้านคนในอดีตที่ผ่านมา โดยที่องค์กรส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ถึงแม้ว่าช่วงวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้ ประชาชนอาจได้รับผลกระทบไม่เท่ากับช่วงมหาอุทกภัย แต่ปัจจุบันบริษัทและองค์กรต่างๆ ในไทยมีความตื่นตัวต่อเหตุการณ์ และเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีเพื่อรับมือกับสถานการณ์ความไม่สงบ ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยไม่สะดุด


เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ หลายบริษัทโดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐฯ อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน เนื่องจากสภาพการจราจรที่ติดขัด และถนนถูกปิดกั้นถนนหลายสายในกรุงเทพฯ ..คำถามสำคัญคือ เครือข่ายโฮมเน็ตเวิร์กของคุณสามารถรองรับการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพที่บ้านคุณหรือไม่เพียงแค่บริการเชื่อมต่อไร้สายอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะคุณจะต้องทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น ส่งอีเมล ประชุมทางไกลผ่านวิดีโอกับเพื่อนร่วมงาน แบ่งปันไฟล์พรีเซนเทชั่นกับลูกค้า เข้าคอร์สอบรมออนไลน์กับพาร์ทเนอร์ พิมพ์เอกสารแบบไร้สาย และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจำเป็นต้องใช้เราเตอร์ไร้สายที่มีคุณภาพที่สามารถรองรับการใช้แบนด์วิธของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คนส่วนใหญ่เชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายเข้ากับเครือข่ายภายในบ้านเพิ่มมากขึ้น แต่กลับไม่ได้อัพเกรดเราเตอร์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบดิจิตอล และสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว การอัพเกรดเราเตอร์นอกจากจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อไร้สายแล้ว ยังช่วยขยายขีดความสามารถของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายในบ้านอีกด้วย

ในอดีต โฮมเน็ตเวิร์กถูกจำกัดการใช้งานเฉพาะในแวดวงคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยี แต่ทุกวันนี้ การจัดลำดับความสำคัญได้เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนประกอบหลักของกิจวัตรประจำวันภายในบ้าน เช่น เพื่อใช้สำหรับการทำงานหรือธุรกิจ ซื้อสินค้า พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงานและญาติพี่น้อง หรือเพื่อความบันเทิง

นอกจากนี้ จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายโฮมเน็ตเวิร์กก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน  ปัจจุบัน ครัวเรือนทั่วไปมีอุปกรณ์เชื่อมต่ออย่างน้อย เครื่อง ตั้งแต่แล็ปท็อปไปจนถึงแท็บเล็ต เกมคอนโซล เครื่องพิมพ์ และสมาร์ทโฟน  ที่จริงแล้ว จำนวน Smart Device ได้แซงหน้าจำนวนประชากรทั่วโลกไปเมื่อปี 2556 และจะมีจำนวนถึง 50,000 ล้านเครื่องภายในปี 2563 (Stevens Institute of Technology) จากผลการวิจัย พบว่าสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนในเมืองไทยอยู่ที่  30 เปอร์เซ็นต์ และการเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนยังคงเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นรายได้สำหรับตลาดไอซีทีในปีหน้า (รายงานประจำปีทั่วโลกของ TNS, ธันวาคม2556)  และในปีที่แล้ว 14 ล้านครัวเรือนจากทั้งหมด 20 ล้านครัวเรือนในประเทศไทยสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขได้ ประกอบด้วย9 ล้านครัวเรือนที่ใช้บรอดแบนด์ไร้สาย และอีก ล้านครัวเรือนใช้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตพื้นฐาน [กระทรวงไอซีทีพฤศจิกายน2556] ซึ่งเป็นผลมาจากการริเริ่มใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อใหม่ๆ เช่น สมาร์ททีวี อุปกรณ์อัจฉริยะ หรือแม้กระทั่งหลอดไฟอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย

ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเราในการให้ความรู้ในเรื่องของโอกาสที่เกิดจากระบบเครือข่ายอัจฉริยะแบบครบวงจรภายในบ้านที่มีการเชื่อมต่อกันอย่างทั่วถึง และที่สำคัญกว่านั้นคือ ข้อได้เปรียบมากมายในการอัพเกรดเป็นสมาร์ทเราเตอร์ เพื่อให้เราเตอร์ดังกล่าวทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเครือข่ายภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


การใช้อินเทอร์เน็ตแบบเชื่อมต่อผ่านสายสัญญาณกลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว เพราะถูกแทนที่ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่สะดวกสบาย แข็งแกร่ง และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ  สมาร์ทเราเตอร์กระจายการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าของคุณให้ไปได้ไกลและกว้างขวางมากขึ้น โดยรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะหลากหลายประเภททั่วทุกจุดภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เช่น แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ถือเป็นอุปกรณ์ทางสังคมที่ใช้งานภายในบ้าน  ข้อมูลจากรายงานฉบับล่าสุดของฟอร์เรสเตอร์2 ชี้ว่าเจ้าของแท็บเล็ต 62% ในยุโรปใช้แท็บเล็ตในห้องนั่งเล่น และ 45% ใช้งานในห้องนอน เพื่อค้นหาเนื้อหาคอนเทนต์ใหม่ๆ รวมถึงวิดีโอซึ่งครองสัดส่วนสูงสุดสำหรับการใช้แบนด์วิธในปัจจุบัน

นอกเหนือจากระยะเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ดีขึ้นแล้ว สมาร์ทเราเตอร์ยังเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยปรับเปลี่ยนจาก ‘กล่องดำไปสู่อุปกรณ์ที่เข้าใจได้และใช้งานได้อย่างง่ายดาย สมาร์ทเราเตอร์ช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกๆ อย่างยืดหยุ่น หรือจัดลำดับความสำคัญของแบนด์วิธไปยังอุปกรณ์ที่เฉพาะเจาะจงในช่วงเวลาหนึ่งๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่รองรับอินเทอร์เน็ตได้อย่างราบรื่น โดยใช้โมบายล์แอพที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสร้างระบบเครือข่ายอัจฉริยะภายในบ้านที่มีการเชื่อมต่อทั่วถึงกันอย่างแท้จริง

สิ่งที่หลายคนยังขาดอยู่ในบ้านทุกวันนี้ก็คือ เครือข่ายโฮมเน็ตเวิร์กที่รองรับการเข้าถึงอย่างครอบคลุมโดยไม่มีจุดอับสัญญาณ และมีการเชื่อมต่อที่ไว้ใจได้” ขณะที่บ้านในปัจจุบันกำลังพัฒนาไปสู่บ้านแห่งอนาคตที่มีการเชื่อมต่อกันอย่างทั่วถึง เราจึงต้องการศูนย์กลาง หรือในแง่หนึ่งก็คือ สมองของบ้าน” เพื่อจัดการชีวิตบนเว็บ ด้วยเหตุนี้ เราเตอร์ที่คุณเลือกจึงเปรียบได้กับสมองของบ้านคุณ ดังนั้นผู้ใช้ควรคำนึงถึงความต้องการของคนในครอบครัวหรือธุรกิจขนาดเล็กทั้งในวันนี้และวันหน้

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

buttons=(Accept !) days=(20)

Our website uses cookies to enhance your experience. Learn More
Accept !