รีวิว Mi Smart Scale เครื่องชั่งน้ำหนักฉลาดๆ ไม่ต้องบอก ก็รู้ว่าคุ้มฝุดๆ

มาแล้วครบ สดๆ จริงๆ อยากรีวิวอะไรหลายอย่างแต่ทว่าเจ้า Mi Smart Scale นี่มันแบบว่าคันมานานมาก ไปติดด่านศุลกากร บวกกับ DHL แถมยังพ่วงด้วยกรมชั่ง ตวง วัด ของกระทรวงพานิชย์อีก มากมายหลายตลบ เอาเข้ามาอย่างถูกต้อง ใช้เอง ก็โดนกันไป ไม่มีอะไรมากไปกว่า ไหนๆ ก็โดนแล้ว มาจัดให้ชมกันไปเลยดีกว่ากับ เครื่องชั่งน้ำหนัก ที่สมัยนี้เริ่มเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่เค้าเริ่มฮิต ติดลมบนกันนะครับ อาจจะเรียกว่าเป็น Smart Device หรือ Smart Machine กลายๆ ก็ไม่ผิดนัก มาชมกันเลยดีกว่า

เรื่องมันมีอยู่ว่า เริ่มวิ่ง เริ่มออกกำลังกาย แบบว่าไม่ใช่สายพัฒนาร่างกาย แต่เป็นสายอุปกรณ์ พัฒนาการใช้งาน gadget/ Smart device ว่างั้น ฮ่าๆ ไม่มี gadget มันก็ออกกำลังกายไม่สนุกน่ะสิ แต่ทว่าออกกำลังกาย แน่นอนว่าไม่ใช่แค่สนุก แต่อย่างน้อยเรื่องน้ำหนัก ผมว่าไม่ใช่แค่ผมหรอก เวลาออกกำลังกาย เป้าหมายนึงก็คือการลดน้ำหนัก แบบว่าปกตินี่ปีละ 1-2 โลนะครับ ทุกปี ไม่ใช่ลดนะ กลับกัน น้ำหนักขึ้นต่างหาก :-P ฮาๆๆ และแน่นอนว่าที่บ้านไม่เคยมีหรอกเครื่องชั่งน้ำหนัก จะเท่าไหร่ก็ช่างมัน แต่พอเริ่มออกกำลังกายก็เริ่มมองหา ประจวบเหมาะกับช่วงนี้ที่ Mi Smart Scale จากดินแดนมังกร แบรนด์ที่รู้จักกันดี Xiaomi เน้นตลาดร่าง ราคาประหยัด แต่ฟีเจอร์ครบ เจ้า Mi Smart Scale ก็เช่นกันครับ ใช้งานตามจุดประสงค์ที่เราต้องการนั่นล่ะ โดนเลย คือการชั่งน้ำหนัก

อุ๊ปส์ แล้วมันจะไม่โดนได้ไง มันก็คือเครื่องชั่งน้ำหนักนั่นล่ะ คือถ้าอยากแค่รู้น้ำหนักของตัวเอง ไปหาชั่งเอาตามห้าง หรือที่ไหนๆ ก็ได้ใช่ไหมล่ะครับ แต่ทว่าเจ้า Mi Smart Scale นี่คือมันฉลาดกว่านั้น สามารถซิงค์กับแอพที่ชื่อว่า Mi Fit สามารถดาวโหลดได้ทั้งบน Android และ iOS ซึ่งสามารถซิงค์ข้อมูลน้ำหนักเราได้ ใช่ไหมล่ะ ปกติใครจะไปจดเก็บไว้ ได้แต่จำเอาไว้แป๊ปๆ เดี๋ยวก็ลืม งานนี้จัดเก็บลง Smartphone เราเลย ง่ายๆ สบายๆ ชิลๆ ก็แค่นั้นล่ะครับประโยชน์ของมัน อ้อเรื่องการเชื่อมต่อ ผ่าน bluetooth นะขอรับ และมาดูเจ้า Mi Smart Scale กันครับ

คืออย่างที่เห็นครับ มากันสดๆ มาแกะกล่องให้ชมกันเลย อิมพอร์ทจากจีน เจ้าหน้าที่ที่กระทรวงพานิชย์ ตอนไปขอใบ ชว. ยังถามอยู่เลย ว่าคุ้มไหม ไหนจะเสียเวลา ค่ารถไปกลับที่กระทรวง ค่าขนส่ง ค่านำเข้าที่กรมศุลฯ ก็เพราะมันหาซื้อในบ้านเราไม่ได้ง่ายๆ นั่นล่ะครับ คือประเด็น ไม่งั้นก็ไม่ต้องดิ้นรนไปสั่งซื้อมาให้เสียงตังค์มากกมาย จริงๆ ผมก็ซื้อมาราคาไม่แพงมาก พอรับได้ ประมาณ 1,500 บาท อันนี้รวมค่าส่งแล้วนะ จริงๆ ราคาที่ขายไว้ก็ประมาณครึ่งนึงเท่านั้นเอง เค้าบวกไม่เยอะ แต่จัดราคาส่งมาอีกครึ่งนึง ขอเศร้าแพร๊บ จากนั้นก็ตัดใจเอาวะ ส่ง DHL ด้วย น่าจะได้เร็วอยู่ หารู้ไม่ หากตามผมตอนที่บ่นไว้ที่ทักทายหน้าแรก เล่าถึงประสบการณ์ การนำเข้ามา ก็เจ้าตัวนี่ล่ะครับ สรุปโดนค่าโน่นนี่นั่น จาก DHL ก็บวกอีก เกือบพันนึง สรุปตัวนี้ก็ประมาณ 2,500 บาทได้ รวมค่ารถ ค่าโทรศัพท์ติดต่อ ค่าเสียเวลา กว่าจะได้มาใช้วันนี้ก็เดือนนึงเต็มๆ สุดๆ แล้วจ้าฟังผมบ่นเสร็จแล้ว ก็มาแกะกล่องกันเลยดีกว่า กล่องนี่ต้องบอกว่าใหญ่กว่าที่คิด คือปกติ ตั้งแต่ซื้อ Mi RedMi กะ Mi Band มาใช้งาน ก็คุ้นเลยกับกล่องลักษณะนี้ โอ้ นี่มันตัวจริง เห็นแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองจะเริ่มเป็นสาวก Mi ไปซะแล้ว ฮาาาา

ว่าแล้วก็เลยเอากล่องเจ้า Mi Milet Router (ที่ยังไม่ได้รีวิวให้ชมกัน) มาเทียบซะหน่อย แบบว่า ผิดหูผิดตามาก

ทนไม่ไหวแล้ว (ว๊อยย) แกะกล่องเลยดีฝ่า คืออย่างที่เห็นเลยว่าพลาสติห่อมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือว่าใช้มาแล้วก็ไม่อาจทราบได้

แต่พอแกะออกมาดูแล้วก็คงยังไม่ผ่าน (เท้า) ใครมาก่อนแน่นอน ใหม่กิ๊ก อารมณ์แรกเริ่มเมื่อได้สัมผัส บอกเลยว่าไม่อยากจะเอาเท้าเน่าๆ ขึ้นไปเหยียบ และยังอยากจะเอาไปติดฟิล์มก่อนใช้ เหมือนมือถือกันเลยทีเดียว ฮาาา เพราะว่าเค้าออกแบบมาสวยงามใช้ได้เลยนะ คือพลาสติกที่ใช้เป็นพื้นด้านบนนี่ มัน วาว ดูแล้วน่าจะเป็นรอยขีดข่วนง่ายอยู่เหมือนกัน จะว่าไปผมจะเอาไปติดฟิล์มจริงๆนะเนี่ย ฮ่ะๆ

หงายท้องดู ก็พอว่าเจ้าปุ่ม 4 ปุ่มที่เป็นฐานรองนี่มันขยับได้ด้วยนะ คงออกแบบมาเพื่อรองรับในการชั่งน้ำหนักนี่ล่ะ วัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นพลาสติ น้ำหนัก หนัก2 กิโลกรัม ก็ถือว่าหนักเอาการอยู่นะส่วนของรายละเอียด ทั้งหมดเป็นภาษาจีน มีจุดเดียวข้างใต้นี่ คือระบุเอาไว้ว่ารองรับตั้งแต่น้ำหนัก 5 กิโลกรัมจนถึง 150 กิโลกรัม ดังนั้นผมว่า ใช้ได้ทั้งครอบครัวเลย งานนี้คุ้มละคู่มือที่ให้มาก็จีนหมดครับ แน่นอนผมก็โค ตะ ระ เก่ง ภาษาจีนเลย (ประชด!) ก็เก็บไว้ดูรูปงั้นๆ ล่ะครับสำหรับเจ้า Mi Smart Scale ตัวนี้ ใช้ถ่านขนาด AA 4 ก้อนนะครับ เห็นว่าใช้งานได้ประมาณ 6 เดือน ก็ต้องเปลี่ยนทีนึง ผมแนะนำว่าลงทุนซื้อถ่านชาร์จมาเลย หมดแล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยน แค่ไปชาร์จแล้วก็เอามาใช้ใหม่

สังเกตุดูจะเห็นสวิทช์อยู่นะครับ สำหรับเปิดเครื่องใช้งานนั่นล่ะ แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่า เมนูด้านซ้าย กับเมนูด้านขวามมือคืออะไร เปิดทั้งสองด้านใช้งาน ชั่งน้ำหนักได้หมือนกัน แต่ผมใช้งานก็เลือกไปทางด้านซ้ายมือ จากในภาพด้านบนน่ะครับ

อัพเดท รู้ละครับ คือว่าเป็นหน่วยวัดน้ำหนักของเรา คือถ้าใช้สวิทช์มาทางซ้ายมือจากที่เห็นในภาพก็คือหน่วย กิโลกรัม หรือเมตริก สากลทั่วๆ ไป และไม่แน่ใจว่าตรงกลาง กับทางขวานี่อันไหนเป็นปอนด์ หรือหน่วย jin (สังเกตุจากแอพ) ซึ่งเราไม่ได้ใช้งานกันแน่นอน
และแล้วก็ไม่รีรอ ลังเล เปิดใช้งานเลย ก็พบกับ นาฬิกาทราย เพื่อบู๊ทสักแพร๊บ หลังจากนั้นอึดใจนึงก็ขึ้น Hello จบดับ ผมก็นั่งมองสักพักนึง นึกไม่ออกว่าทำไงต่อ คู่มือก็ภาษาจีนซะขนาดนี้ จากนั้นก็นึกได้ว่า ลงแอพ Mi Fit เอาไว้ ก็จัดเลยสิครับ วิ่งไปหยิบ iPhone 6 มา แล้วก็เปิดแอพ Mi Fit เพื่อเชื่อมต่อเจ้า Mi Smart Scale เข้ากับแอพ ซึ่งปกติผมใช้ Mi Band อยู่แล้ว หากใครซื้อมาใช้เหมือนผมล่ะก็ ต้องสมัครแอคเค้าท์กับ Mi account ด้วยนะครับ ถึงจะ sign in เข้ามาใช้งานได้
เปิดแอพเรียบร้อย เลื่อนไปที่ Mi Scaleวิธีจับคู่ก็ง่ายมาก ให้ยืนบน Mi Smart Scale นั่นล่ะ แค่นั้นเองง่ายๆ
จากนั้นก็รอครับ สักพักนึง จนกว่าตัวเลขจะนิ่ง จากภาพคือผมใช้มือกดเอาน่ะครับ ตัวเลขที่วัดได้ กับตัวเลขบนแอพเลยไม่เท่ากัน

อีกที คราวนี้ลองยืนขึ้นเพื่อชั่งน้ำหนักจริงๆ ให้เราดูว่าทั้งบน Smartphone และที่ Mi Smart Scale ได้น้ำหนักเท่ากันหรือเปล่า ซึ่งหากเครื่องไม่มีปัญหา ก็ต้องเท่ากันแน่นอน พอเท่ากับปั๊ป ก็กด confirm pair ได้เลย เป็นอันเสร็จพิธีจับคู่ แล้วจากนัั้นเราก็ชั่งน้ำหนัก และเปิดแอพขึ้นมาซิงค์เหมือนใช้งานคู่กับ Mi Band นั่นล่ะครับ แน่นอนว่าอย่าลืมเปิด bluetooth ด้วยนะ

พอต่อใช้งานเสร็จ ก็จัดเลยครับ อัพเดทเฟิร์มแวร์ รอให้เสร็จเรียบร้อย 100% จากนั้นก็ชั่งน้ำหนักได้ตามปกติ แนะนำว่าอย่ากระทำการใดๆ ตอนที่อัพเดทเฟิร์มแวร์นะครับผม รอไม่นานและแล้วก็ได้น้ำหนักล่าสุดแล้ว จะบอกว่าผมเพิ่งไปชั่งไม่กี่เดือนก่อน ที่รานขายยา กับโรงพยาบาล จริงๆ ได้ 58 กิโลกรัมนี่นา ไมพอมาชั่งบน Mi Smart Scale แล้วน้ำหนักขึ้นล่ะเนี่ย เข้าใจผิดมาตลอดว่าน้ำหนักผมลดลงจาก 60 กิโลแล้ว ขอเศร้าอีกแพร๊บนะ T_T

ตัวอย่างและหน้าตาแอพนะครับ สามารถดาวโหลดได้ที่ Play store และ iOS เลย ใครที่มี Mi  account อยู่แล้วก็ได้เปรียบกด sign in ใช้งานได้ทันที อย่างผมก็ยิ่งได้เปรียบเข้าไปใหญ่ เพราะใช้ Mi Band อยู่แล้ว log in ค้างไว้ กดเข้าแอพ ก็จับคู่ และใช้งานได้ทันที
รายละเอียดรีพอร์ท อาจจะยังไม่มีตัวอย่างให้ดูนะครับ มีคร่าวๆ เท่านี้ก่อน เนื่องจากเพิ่งชั่งแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น โดยตัวรายละเอียดนอกจากจะบอกว่าอีกกี่กิโลกรัม ถึงจะลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ยังมี BMI ที่คอยบอกเราด้วยนะครับว่าเราสมส่วนไหม

ก็เป็นการรีวิวการใช้งานแบบสั้นๆ เพราะเครื่องชั่งน้ำหนักไม่มีอะไรมาก นอกจากบอกน้ำหนักของเรา แต่อย่างที่บอกล่ะครับว่า ปกติเราไม่ได้เก็บค่าสถิติเอาไว้ แต่พอมีเจ้า Mi Smart Scale นี่ผมคาดว่าจะสามารถลดน้ำหนักที่เป้าน้อยนิดของผมได้สำเร็จ ในระยะเวลาอันสั้น หลังจากที่หลงคิดว่าลดลงมาได้แล้ว 2 กิโลก แต่หารู้ไม่ว่า ช่วงที่ผ่านมาน้ำหนักขึ้นซะอย่งนั้น บางทีอาจจะเป็นทุกเรียนที่กินวันละหลายๆ พลูก็ได้ล่ะมั้ง ฮ่าาา จะว่าไปเรื่องดีไซน์ผมก็ต้องยกให้นะ สวยจนไม่อยากจะเอาเท้าน้อยๆ ไปเหยียบกันเลยทีเดียว และจริงๆ เจ้า Mi Smart Scale เนี่ยถ้าหาซื้อที่จีนได้นี่หลักร้อยบาทนะครับ แต่พอถึงเมืองไทย และมือผมเท้านั้นล่ะ เพิ่มซะหลายเท่าเลย ดังนั้นใครที่อยากจะซื้อหามาใช้งาน ก็คงต้องหาทางกันนะ ผมเอามารีวิว ใช้งานเองอย่างเดียว ไม่ได้ขาย เห็นมีหลายคนติดต่อมาเหมือนกัน ฮ่ะๆ เหมือนเดิมถ้าคิดจะฝากผมซื้อ หรือใช้บริการผม คิดค่าเซอร์วิสชาร์จจากราคาของ 3 เท่านะครับ ฮ่าา ก็มาบอกความน่าใช้งานของเจ้า Mi Smart Scale แต่เพียงเท่านี้ล่ะครับ เอาไว้เจอกันใหม่ กับรีวิวที่ผมดองเอาไว้เพียบ ฮ่าๆ ไปล่ะครับ ถ้าหากมีอะไรเกี่ยวกับเจ้า Mi Smart Scale เอาไว้จะมาบอกเล่าเพิ่มเติมก็แล้วกัน หากมีคำถามสงกะสัยก็ทิ้งไว้ในทู้รีวิวนี้ได้เลยครับผม