ต่อเนื่องจาก หัวข้อความยั่งยืนใน True Young Blogger คราวที่แล้ว งานนี้ต้องบอกว่าเป็นหัวข้อที่สุขภาพดี ช่วยโลกได้ ใครจะรู้ว่า แค่หันมาดูแลตัวเอง ก็ช่วยโลกได้ เริ่มต้นที่ตัวเรา เป็นความยั่งยืนในหัวข้อของสุขภาพ ที่ชื่อว่า Good Health and Well Being ใครจะรู้ว่า เราก็เป็นซูเปอร์ฮีโร่ ที่สามารถกู้โลกได้
"การเริ่มจากสุขภาพของเราเอง ถ้าสุขภาพเราดี ด้านอื่นๆ ก็จะตามมา"
"การเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ก็คือ การออกกำลังกาย"
สุขภาพในแง่มุมนี้ คือองค์รวม ทุกอย่างทำให้เกิดสุขภาพดี ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงเน้นเรื่องการออกกำลังกาย ที่ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง แต่จริงๆ ยังมีเรื่องการกิน การนอน รวมถึงสุขภาพจิตอีกด้วย ซึ่งจะไปเกี่ยวโยงกับหัวข้ออื่นๆ ใน 17 ข้อด้านบน หากอยากรู้รายละเอียด ให้ดาวโหลดด้วยชื่อ SDGs In Actionมาอ่านรายละเอียดและศึกษาดูนะครับ ส่วนในมุมของผม ที่จะมาบอกว่าการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ก็คือ การออกกำลังกาย
คงไม่ต้องบอกว่าพี่ตูน บอดี้สแลม ทำปรากฎการณ์ให้เราเห็นมาแล้ว ในการวิ่งข้ามจังหวัดจากใต้ไปเหนือ และมีเป้าหมายในการช่วยโรงพยาบาล ทำให้ระดมทุนได้มากมาย แม้โครงการจะหยุดไปแล้ว แต่ยังสามารถบริจาคผ่านช่องทางต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องจนถึงวันที 31 พฤษภาคม 2561
"การช่วยเหลือสังคม เริ่มจากตัวเอง"
ใครอยากสนับสนุนโครงการต่อ ก็สามารถส่ง SMS บริจาคครั้งละ 10 บาทได้ง่ายๆ แค่พิมพ์ T แล้วกดส่งไปที่ 4545099 หรือจะบริจาคผ่านแอปพลิเคชันทรูมันนี่วอลเล็ท (TrueMoney Wallet) ครั้งละ 10-30,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้งการบริจาค ผมว่าบริจาคผ่านแอปน่าจะสะดวกสุดล่ะนะ และยังบริจาคผ่านช่องทางอื่นๆ ได้อีกตามสะดวกเลยนะครับและนี่คือการเริ่มจากผู้ชายคนนึงที่ต้องการช่วยเหลือสังคม เริ่มจากตัวเอง ซึ่งมีเป้าหมายในการพิชิตระยะทางและการช่วยโรงพยาบาล ในแง่มุมนึงพี่ตูนก็บอกไว้อยู่แล้วว่า การช่วยตัวเองให้มีสุขภาพดีโดยการออกมาวิ่ง หรือออกกำลังกาย ก็จะช่วนลดปริมาณการเจ็บป่วย การเข้าใช้โรงพยาบาล รวมถึงประหยัดยาที่แจกจ่ายให้ประชาชน เพื่อส่งต่อไปยังคนที่มีความต้องการจริงๆ เมื่อยาเหลือเพียงพอ ก็จะทำให้ช่วยผู้คนได้มากขึ้น ได้หลายเด้งเลยครับ
"Let's save the world"
ส่วนตัวผมเอง จากหัวข้อ Let's save the world ซึ่งก่อนหน้าเข้าโครงการ True Young Blogger และมีหัวข้อนี้ก็มีความตั้งใจเอาไว้อยู่แล้วว่า จะมีสุขภาพดีมากขึ้น เพื่อไม่ต้องอาศัยหมอ และโรงพยาบาล และเพื่อครอบครัว อย่างที่บอกว่าเริ่มจากตัวเราเอง และเริ่มหันมาวิ่งตั้งแต่ปี 2014 เป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพ โดยการตั้งเป้าระหว่างการวิ่งของผมก็คือ ต้องดีกว่าเก่า แค่นั้น เป้าหมายชัดในระยะแรก ก็คือ วิ่งระยะ มินิมาราธอน หรือวิ่ง 10.5 KM พอวิ่งจบแล้ว จะต้องเดินปกติ ไม่มีอาการเมื่อยล้ามาก ต้องไปทำงานได้ และต้องวิ่งตลอดจนจบ 10.5 KM โดยไม่เดิน พอมาระยะหลังเริ่มตั้งเป้าเรื่องเวลา จน ณ ปัจจุบันคือ ต้องทำให้ได้ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก แต่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงด้วยคอนเซ็ปท์ที่ว่า Heart Rate ต้องไม่พุ่ง เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อหัวใจ
จากเมื่อปี 2014 ที่ได้ลงแข่งวิ่งในงานนึง จำชื่องานไม่ได้แล้วล่ะ และช่วงแรกๆ ไม่ได้มีอุปกรณ์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ แต่ดูจาก pace หรือความเร็วเฉลี่ยในการวิ่งแต่ละกิโลแล้ว อยู่ประมาณ 7.46 ก็ไม่ช้าแต่ก็ไม่เร็ว ในช่วงแรกก็ทำตามความตั้งใจแรกสำเร็จก็คือวิ่งไม่หยุดเดิน (จะมีพักกินน้ำบ้างตามจุดพักน้ำ) แต่ก็วิ่งเหยาะๆ ตลอด รวมถึงไฟแดงด้วย ถือว่าสำเร็จในช่วงปีแรก
จนมาปีนี้ 2018 ก็เข้าปีที่ 3-4 แล้ว จากเป้าหมายเดิม ที่บอกว่า จะต้องวิ่งตลอด ก็มีการเรียนรู้ว่า พักเดินบ้างก็ได้ ดังนั้นครั้งล่าสุด เป็นการทดลองเดินตรงช่วงจุดรับน้ำ เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ซึ่งมันก็ช่วยได้ แต่เอาจริงๆ เป้าหมายแรกคือ จะต้องเดินปกติ ไม่มีอาการเมื่อยล้ามาก และวิ่งตลอด คือพิชิตได้ตั้งแต่ปี 2015 มาแล้ว สองปีที่ผ่านมา วิ่งเพื่อสุขภาพจริงๆ ไม่ได้มีเป้าหมายจะไปฮาล์ฟมาราธอน หรือมาราธอน ตอนนี้เป้าหมายจริงๆ คือต้องทำเวลาให้ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงซะมากกว่า โดยที่หัวใจไม่พุ่งเกิน 180 อันนี้ยากจริงๆ และล่าสุดก็ยังทำไม่สำเร็จ
แต่เอาจริงๆ ก็แอบไป ฮาล์ฟมาราธอนมาแล้วสองครั้ง ในปีที่แล้ว 2017 ครั้งแรกได้บัตรฟรี มีคนไม่ได้วิ่ง ญาติเอามาให้ เลยตัดสินใจลองลงดูเลยละกัน วิ่งฟรีนี่นา แต่ก็แอบหวั่นๆ ว่าจะไหวหรือเปล่า ปกติจะซ้อมวิ่งแค่ประมาณ 5 กิโล จะมี 10 กิโลบ้างครั้งคราว ไม่ได้มีตารางฝึกอะไร อย่างที่บอกว่าวิ่งเพื่อสุขภาพ แต่ต้องบอกเลยว่า ร่างกายที่ถูกออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยได้ ร่างการแข็งแรงขึ้น แอบมีเป้าในการลงฮาล์ฟมาราธอนว่า วิ่งให้จบพอ และเป้าเล็กๆ ที่หวังไว้ก็คือ วิ่งไม่หยุด แต่ผลปรากฎว่า ถอดใจในช่วงกิโลเมตรท้ายๆ ทำให้เดิน พอเดินปุ๊ป ก้าวขาไม่ออก รู้สึกว่ากระดูก กล้ามเนื้อมันล้าไปหมด ทำให้จบครั้งแรกที่เวลา 2.49 ชั่วโมง
"ต้องมา challenge ตัวเองว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน"
จากตัวอย่างของผมเอง มุ่งมาที่การวิ่งเสียมากกว่า แต่ยังมีเรื่องการพักผ่อน ที่เอาจริงๆ เป็นคนที่นอนค่อนข้างดึกมาก ส่งผลเสียต่อสุขภาพ อันนี้ก็เอาตัวเองทดสอบ เคยได้ยินว่าการพักผ่อนน้อย มีผลต่อสมอง ซึ่งไม่เคยเชื่อเลย เพราะในช่วงวัยรุ่นเราพักผ่อนน้อย ยังมาลุยงานต่อได้ ซึ่งในวัย ณ ปัจจุบัน เห็นชัดเจนว่าส่งผลต่อสมอง ซึ่งเป็นอีกส่วนนึงที่ผมจะตั้งเป้าในปีนี้ว่า พยายามนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง ต้องนอนประมาณ 4 ทุ่มด้วย อันนี้ต้องมา challenge ตัวเองว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อสุขภาพดี Goal ในข้อ 3 หัวข้อ Good Health and Well Being ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อไหนก็ตามมาได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดขยะ ลดโลกร้อน การหยุดความหิวโหย ส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ หรือจะในด้านเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลกของเราได้ทั้งนั้น และอย่าลืมว่า การกระทำของเราในด้านลบก็ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม โลก และสังคมที่เราอยู่ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่จะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ นอกจากเริ่มที่ตัวเราแล้ว ควรชักชวนคนอื่นมาร่วมเป็นซูเปอร์ฮีโร่ไปพร้อมๆ กัน มาดึงความเป็น ซูเปอร์ฮีโร่ในตัวเราออกมา ณ บัดนาว!