Type Here to Get Search Results !

ประสบการณ์วิ่ง Fun Run 5 กม. ครั้งแรกพร้อมครอบครัว ที่งาน #นาวิกโยธินมาราธอน2017

0



      เอาล่ะ วันนี้ผมจะมาแชร์ ประสบการณ์ การลงงานวิ่ง 5 กิโลเมตร ระยะเริ่มต้นสำหรับใครหลายๆ คน รวมถึงผมและครอบครัว ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกของผม ที่จะลากคนในครอบครัววิ่งไปด้วยกันจนถึงเส้นชัย หลังจากที่คนอย่างผม เล่นเว็บ เขียนรีวิวเกี่ยวกับไอทีไปเรื่อย หันมาวิ่ง จนไปๆ มาๆ ลากคนในครอบครัวเดียวกันนี่ล่ะมาวิ่งด้วยกัน ก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่อยากให้มีประสบการณ์การวิ่ง ให้รู้ว่าการวิ่งเป็นยังไง สนุกแค่ไหน ทำไมเค้าถึงมาวิ่งกัน หรือไม่เช้าๆ ป๊ะป๋าออกไปวิ่งทำไม แค่นั้นเองครับ



ตอนแรกก็ว่าจะหาภาพมาเก็บไว้เยอะๆ ไว้เขียนเล่าเรื่องซะหน่อย ไปๆ มาๆ มีแค่ชุดเดียว ที่เหลือถ่ายกันเอง ต้องขอบคุณ #Sangparp ด้วยครับ ที่อัพภาพได้ไวมาก และก็มีภาพถ่ายครบทุกคนในครอบครัว จริงๆ อยากได้ภาพของช่างภาพตอนเข้าเส้นชัยมาก แต่หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าอยู่แห่งใด ใครรู้กระซิบบอกผมที
เข้าเรื่องล่ะครับ งานแรกของผมและครอบครัวที่วิ่งด้วยกันทั้งหมดที่เราเลือกก็คือ นาวิกโยธินมาราธอน 2017 ซึ่งเป็นระยะ 5 กิโลเมตร นี่ล่ะ คงลากไป 10 กิโลเมตรไม่ไหว มีตัวเล็ก 3 ขวบ และ 5 ขวบอยู่ด้วย ยังซ้อมไม่พอ ถามผมว่าชอบวิ่งไหม ตอนเด็กๆ ก็วิ่งเล่นนั่นล่ะ เด็กๆ พลังเยอะ ลูกผมก็เช่นกัน วิ่งเล่นเย็นๆ กับเพื่อนๆ สนุกไม่เหนื่อยเลย ก็คงอารมณ์เดียวกัน แต่ตอนเด็กๆ ผมไม่เคยลงงานวิ่งระยะไกล เคยแต่แข่งกีฬาสีวิ่งแข่ง 100  เมตรอะไรประมาณนั้น งานนี้เลยอยากให้ทุกคนในครอบครัวสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง จะเก็บเกี่ยวได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาล่ะครับ


ทำไมถึงเลือกงานวิ่งที่ นาวิกโยธิน 2017

  ต้องบอกว่าเป็นงานแรกที่ผมออกมาวิ่งที่ต่างจังหวัด ปกติขี้เกียจขับรถไปไกลๆ ไหนๆ จะวิ่งกับครอบครัว ก็ถือโอกาสเที่ยวด้วยในตัว เด็กๆ อยากเล่นน้ำทะเลเป็นทุนอยู่แล้ว ก็ลงตัวเลย งานนี้ผมลงวิ่งด้วยราคาประหยัด ไม่เอาเสื้อ เพราะเด็กๆ ยังไงก็ใส่ไม่ได้ เสื้อวิ่งก็กองเต็มบ้านอยู่แล้วด้วย เอามาก็ไม่ได้ใส่ และอีกอันนึงก็คือ ทุกคนที่เข้าเส้นชัยจะได้เหรียญรางวัล นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหวัง ที่ให้เด็กๆ ได้ภูมิใจเวลาที่เขาวิ่งเข้าเส้นชัย มีคนมอบเหรียญให้อะไรแบบนี้ล่ะครับ งานนี้กว่าจะจองคิวได้ นั่นก็ไม่ยากเท่าที่พัก เดี๋ยวนี้งานวิ่งต่างจังหวัดนี่จองกันข้ามไตรมาสเลยทีเดียว


ก่อนวิ่งจริงที่งาน เตรียมตัวอะไรบ้าง

   ส่วนของผมคงไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เพราะวิ่งสบายๆ อยู่แล้วแค่ 5 กิโลเมตร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เร็วอะไรก็ตาม แต่ความท้าทายของผมในงานนี้ก็คือ ทำยังไงที่จะให้ทั้งหมดวิ่งเข้าเส้นชัยพร้อมๆ กันได้ และให้พวกเขาวิ่งได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ โดยกำหนดเป้าหมายในใจเอาไว้ 1 ชั่วโมง ซึ่งก็มีฝึกซ้อมกันบ้าง บอกเลยว่าเจ้าตัวเล็ก 3 ขวบ คงไม่ไหว เลยให้ขี่สไตรเดอร์ เครื่องทุ่นแรงด้วย ประเมินแล้ว เขายังเด็กเกินไป


แต่ก็พอมาซ้อมที่สวนสาธารณะเหมือนกัน ซึ่งผลก็คือตามภาพล่ะครับ ในหัวก็คิดเลยว่า งานจริงก็คงประมาณนี้แหล่ะ และเรียนรู้อีกอย่างนึงก็คือ 5 กิโลเมตร เหมือน 10 กิโลเมตรก็ไม่ปาน เมื่อมีลูกอยู่บนหลังหรืออุ้มไปด้วยวิ่งไปด้วย เหนื่อยสุดๆ กินแรงมากๆ วิ่งไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็แห่กๆ แล้ว


เราก็ซ้อมก่อนถึงวันจริงประมาณสัก 2 อาทิตย์ได้ มีอู้บ้างอะไรบ้าง ซ้อมแค่วันอาทิตย์เช้าอย่างเดียวเสียด้วย ซึ่งเด็กๆ เค้าก็ให้ความร่วมมือบ้าง มีเอาของเล่นมาล่อบ้าง มีรางวัลบ้าง ไม่งั้นไม่มีกำลังใจวิ่ง ไม่มีแรงจูงใจ แป๊ปๆ ก็บ่นเหนื่อย เมื่อย ทั้งๆ ที่รู้ว่า เค้ายังมีพลังเหลือ นี่ก็เป็นอีกจุดนึงที่เราได้เรียนรู้ถึงการพูดให้กำลังใจ หรือจะข่มขู่ เพื่อให้วิ่งไปยังจุดหมาย นี่มันต้องใช้ทั้งศาสตร์ และศิลป์จริงๆ  และสอนตัวโตให้วิ่งอย่างถูกลักษณะท่าทาง การลงน้ำหนักที่เท้า ท่าทางการวิ่ง การหายใจ และอีกหลายๆ เรื่อง ที่เด็กๆ เค้าจะวิ่งแบบไม่ได้สนใจอะไร ทำให้เหนื่อย และบางครั้งอาจจะมีผลกับเข่า ในการลงน้ำหนักเท้าอะไรลักษณะนี้ เรียกว่าเป็นโค้ชให้ลูกไปในตัว รู้สึกสนุกไปอีกแบบ


ถึงเวลาเดินทางไปที่งาน


     เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ก็ถึงเวลาเดินทางไปรับ BIB เราก็ไม่ได้รีบอะไร โรงแรมก็เช็คอินได้ตั้งแต่เที่ยง ขับรถไปเรื่อยๆ แวะบ้างอะไรบ้าง ผมเดินทางกัน เกือบ 4 ชั่วโมงได้ แค่สัตหีบ แต่มีแวะพักรายทางก็เลยช้า เข้าที่พักก่อน ไปสำรวจที่พัก และเช็คอิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปากทางเข้า นาวิกโยธินมากนักประมาณ 2-3 กิโล



 จากนั้นก็ นาวิกโยธิน ก็ประมาณบ่ายสามครึ่ง เนื่องจากไม่เคยมาที่นี่เลย ก็สำรวจเส้นทางกันนิดนึง งานนี้ต้องบอกว่า เค้าจัดดีนะ มีป้ายบอกเส้นทางตลอด ทหารให้ข้อมูลต่างๆ ดีเลยล่ะ แถมยังกางเต๊นท์ได้อีกด้วย ปีหน้ากะว่าจะมากางแต๊นนอนรับลมทะเลกันล่ะครับ



    คนครึกครื้นมาก เห็นว่างานนี้ 9500 คนเลยทีเดียว เยอะมาก และวิวที่นี่ดีมาก ชายหาดสวย ลมแรงดี คือบอกได้อย่างเดียวว่าฟิน งานนี้รับ BIB เสร็จ ก็หาข้าวกินให้เรียบร้อย และเด็กๆ ก็จัดชายทะเลกันก่อนสักยกนึง เค้าอยากเล่นกันมาก มากกว่าวิ่งซะอีก งานนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะวิ่งอะไรยังไง รู้แต่ว่าฉันได้เล่นน้ำทะเลแล้ว สนุกมากแค่นั้นเอง



     หัวค่ำประมาณสักสองทุ่มก็เข้าที่พัก กว่าจะได้นอนกันจริงๆ ก็โน่นแหล่ะสี่ห้าทุ่ม แต่ต้องตื่นแต่เช้า เด็กๆ ก็ตื่นนะ แต่งัวเงียนิดนึง เนื่องจากผิดเวลาไปหน่อย ออกจากที่พักประมาณ เกือบๆ ตีห้า Fun Run นี่เค้าเริ่มปล่อยตัว 6.15 น. เลยมีเวลาอยู่พอสมควร แต่ทางเข้ารถติดมากเช่นกัน


แต่ที่นี่เค้าเตรียมที่จอดรถ และรถรับส่งเอาไว้พร้อม ไม่ต้องกลัวเลย เห็นหลายๆ คนก็เดินเข้าไปเป็นกิโลๆ ถือว่าเป็นการวอร์มอัพไปในตัว ซึ่งผมกับครอบครัวไม่สามารถแฮะ ให้เด็กๆ เดินคงหมดแรงก่อน เลยขับรถไปจอดด้านใน ซึ่งก็ยังห่างจากจุดปล่อยตัวเกือบหนึ่งกิโลได้ ก็เดินกันไป


เริ่มวิ่ง Fun Run
 

     เมื่อถึงเวลา 6.15น. ก็ได้เวลาปล่อยตัว เด็กๆ ก็ยังไม่รู้อะไร เห็นหน้าตา ยิ้ม สดชื่นดี พ่อแม่อย่างเราก็ได้สอนเค้าให้รู้เรื่องการตื่นเช้ามาวิ่ง การที่คนต่างๆ มารวมตัวกันวิ่ง อะไรลักษณะนี้ สอดแทรกระหว่างคุยเรื่องต่างๆ แน่นอนว่ามีการเก็บภาพก่อนออกตัว



และแล้ว ก็ถึงเวลา ปล่อยตัว!



บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ เนื่องจากต้องคอยดันตัวเล็ก ให้วิ่ง เพราะค่อนข้างงอแงมาก ติดแม่ รอคุณแม่ ไม่ไหว เหนื่อย เมื่อย อยากขี่สไตรเดอร์ อยากให้พ่ออุ้ม ขี่หลัง วนลูปไป ฮามาก ส่วนตัวโต วิ่งนำหน้าไปก็รอกันไป วิ่งไปข้างหน้า เดี่ยวก็วิ่งถอยกลับมารอ ต้องบอกว่าฟิตใช้ได้เลย


แต่ระหว่างทาง ผมก็ได้บอกลูกชาย (ตัวโต) ถึงการวิ่ง คนโน้น ยังวิ่ง คนนี้ยังวิ่งได้ น้องคนนั้นเก่ง คนนี้ดี อะไรลักษณะนี้ แต่พูดในทำนองให้กำลังใจ เค้าทำได้ เราก็ต้องทำได้ เราโตกว่า น้องเค้ายังวิ่งได้อะไรแบบนี้ แต่บังเอิญ งานนี้มีเจ้าหมาน้อยมาวิ่งด้วย ตัวเล็กนิดเดียวไม่แน่ใจว่าพันธุ์อะไร ก็ชี้ให้ดู โน่นเจ้าหมาน้อยวิ่งนำหน้าเราไปแล้ว เราเป็นคนเราจะวิ่งแพ้หมาน้อยอย่างนั้นหรอ? เออ ใครจะไปรู้ว่าเค้าก็คิดด้วย และไม่แค่คิด แต่ฮึดสู้ ชวนวิ่งให้เร็วขึ้น มีกำลังใจและความอยากวิ่งเข้าเส้นชัยมากขึ้น



ตอบจบงานยังบอกอีกว่า คราวหน้าจะวิ่งให้ได้ 5 กิโลโดยไม่รอคุณแม่แล้ว และจะไปที่ 10 กิโลเลยเสียด้วยซ้ำ เอา 5 กิโลให้รอดก่อนนะคุณลูกฮ่าๆ ซึ่งเรื่องของลูกชาย มีเรื่องน่าประทับใจอีกเรื่องนอกจากที่เขาได้กำลังใจในการวิ่ง ก็คือเวลาดื่มน้ำ มีน้ำทุกๆกิโลเลยก็ว่าได้ เจอน้ำก็ซัดซะ จนกิโลท้ายๆ จุก เพราะอัดเข้าไปเต็มๆ ให้ดื่มทีละน้อยก็ไม่ฟัง เพราะเค้าบอกว่าจัดเต็มแล้วมีพลัง มันสดชื่นขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่ประทับใจก็คือ แก้วน้ำ ผมก็สอนเขาว่า แก้วน้ำ ถ้าเราไม่ได้ทิ้งขยะที่เขาเตรียมเอาไว้ เราจะไม่ทิ้งข้างทาง คนอื่นเขาจะทำยังไงก็ช่างเขา แต่เราถ้าดื่มไม่หมดและถือมาด้วย ให้ถือไว้จนกว่าจะเจอจุดข้างหน้า หรือเจอถังขยะแล้วค่อยเอาไปทิ้ง เราจะไม่ทิ้งข้างถนน ซึ่งเขาถือไปจนถึงจุดให้น้ำต่อไปนั่นล่ะครับ เรียกว่าเป็นการปลูกฝังอีกแบบนึง ถ้าเห็นในภาพในมือเค้ายังถือแก้วน้ำอยู่เลย อันนี้ประทับใจคุณพ่อมากมาย อ้อ เรื่องดื่มน้ำมากไป นี่แบบว่ามีจุกตอนกิโลที่ 4.5 ซะด้วย เตือนแล้วไม่ฟัง จุกกันไป ฮ่ะๆ



ตัดกลับมาที่ตัวเล็ก งอแงตลอดทาง พยายามพูดให้กำลังใจ เปรียบเทียบ ต่างๆ นาๆ ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยได้ผล อาจจะตื่นเช้า ผิดเวลา นอนน้อย น่าจะประมาณนั้น ยังไม่ชิน แล้วเขาก็ไม่รู้หรอกว่า วิ่งไปทำไม รู้แค่พ่อแม่พามาวิ่ง ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย อยากนอน อยากเล่น เด็กสามขวบก็คงประมาณนี้



แต่มาถึงจุดนึงพยายามลากมาวิ่งด้วยกัน ให้ห่างจากคุณแม่ เพราะคุณแม่เองก็ยังเอาตัวไม่รอด จับมือเขาวิ่ง พยายามก้าวสั้นๆ แต่ถี่ๆ เขาก็วิ่งมาด้วยกันได้สักประมาณสองร้อยเมตร ต่อเนื่อง แล้วเค้ามีความตั้งใจ และมีสมาธิจนสังเกตได้ ไม่งอแง ร้องหาแม่ ในระหว่างทางก็พูดให้กำลังใจเขาต่อเนื่อง ซึ่งอันนี้ก็ประทับใจคนเป็นพ่ออีกจุดนึงที่เห็นเค้ามีโมเมนต์ ตั้งใจวิ่งแบบนี้ด้วย ถึงแม้ว่จะสั้นๆ ก็ตามที



แต่เบื้องหลัง นอกจาก 200 เมตรนั้น ก็ขี่สไตรเดอร์ ให้คุณพ่ออุ้ม ขี่หลังบ้าง อะไรบ้าง วนลูปไปเรื่อย จนมากิโลที่ 4 ท้ายๆ นี่ล่ะ วิ่งๆ เดินๆ ที่แบบจริงจังมากหน่อย จนกระทั่งเขาวิ่งเข้าเส้นชัย แบบตั้งใจในร้อยเมตรสุดท้าย เพราะหลังจากเสร็จวิ่งแล้ว จะได้เล่นน้ำทะเลกัน พลังงานมากจากไหนไม่รู้เต็มเปี่ยม วิ่งด้วยใจเกินร้อย เสียดายที่ไม่มีภาพตอนเข้าเส้นชัย หาภาพไม่เจอ รู้แต่ว่ามีตากล้องถ่ายไว้

 
หลังจากนั้น พวกเราก็ได้รับเหรียญแรกของครอบครัว ในงานนาวิโยธินมาราธอน 2017 ล่ะครับ โดยใช้เวลาไปที่ประมาณ 1.10 ชั่วโมง เกินจากที่ตั้งเป้าไว้ 10 นาที แต่ก็เอาน่าครั้งแรก เดี่ยวค่อยมาซ่อมปีหน้า คุยกันเรียบร้อยแล้วว่าจะมาอีก ประทับใจในหลายๆ ด้าน ภาพรวมดีเลยล่ะครับ งานนี้ได้ประสบการณ์การลากเด็กๆ และคุณแม่บ้านให้วิ่งเข้าเส้นชัยให้ได้พร้อมๆ กัน ก็สนุกและได้รับประสบการณ์ไปอีกแบบ เสร็จแล้วก็ได้เล่นน้ำทะเลกันสมใจอีกรอบนึงต่อจากเมื่อวาน





มารีวิวตัวงาน #นาวิกโยธินมาราธอน2017 กันบ้างดีกว่า

สถานที่จัด ดีมาก การรับ BIB และข้อมูลต่างๆ ผมว่าโอเคมาก บรรยากาศดี มีที่ถ่ายรูปเยอะ อาหารต่างๆ ก็เพียบ ผมยังเห็นคนเข้ามาหลังจากผม ยังมีอาหารเพียงพอสำหรับทุกคน ไม่น่าเชื่อว่าคน 9500 คน แต่การจัดการผมว่าดีกว่าหลายๆ งานที่ผมไปมาอีกครับ หลายๆ งานอาหารแทบไม่เหลือ ผมเคยวิ่ง 21 กิโล กลับมานี่เหลือไม่กี่อย่าง ข้าวหมด อะไรก็หมด แต่งานนี้อิ่มท้องแน่นอน ห้องน้ำห้องท่า มีให้บริการครบ ที่จอดรถก็โอเค เนื่องจากสถานที่กว้างขวาง และมีรถสองแถวคอยให้บริการรับส่งภายในค่ายฟรี



เส้นทางการวิ่ง 5 กิโลเมตร Fun Run ผมว่าก็โอคมีลงเนินบ้างขึ้นเนินนิดๆ จะมีก็ตรงจุดกลับตัวที่คนเริ่มเยอะ แล้วการกลับตัวอาจจะแคบไปหน่อย แต่ก็มีเจ้าหน้าที่บอกนะครับ จุดให้น้ำ มีเพียงพอกับทุกคน ระหว่างทางมีพี่น้องทหารมาเต้นให้กำลังใจด้วย เรียกร้อยยิ้มได้มากเลยล่ะครับ



เด็กๆ ยังถามเลยพี่เค้ามาเต้นทำไม ฮ่ะๆ โดยภาพรวม ครั้งแรกกับงานวิ่งต่างจังหวัดทั้งครอบครัว ผมโอเคมากๆ เลย คนอาจจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเยอะมาก ไม่ได้อึดอัดเหมือนบางงานที่จัดในกรุงเทพ แล้วเห็นคนเยอะมาก และรู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก เส้นทางวิ่งไม่มีการกีดขวางทางจราจรด้วย สบายใจ สบายตา คงไม่มีอะไรมากกว่าปีหน้าคงมาอีกแน่นอน

 
ปิดท้ายด้วยภาพอาหารที่ผมถือว่าราคากับคุณภาพโอเคเลยล่ะครับ อร่อย สด ฟิน



ก็คงแชร์ประสบการณ์การลากครอบครัวมาวิ่งด้วยกันประมาณนี้ล่ะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ

ผมนักวิ่งสายอุปกรณ์ ทิ้งท้ายไปด้วยอุปกรณ์ตามนี้จ้า

Garmin Forerunner 235
Fitbit Alta HR
Mi Band 2
Xiaomi Lining Unit Bow II Smart Shoes
Samsung Galaxy S8+ สำหรับเก็บภาพและเปิดแอพวิ่ง
ดันลืมเอา Jabra Elite Sport ออกมาจากรถเสียดายอยู่



คงไม่ได้เอาสถิติอะไรมากมาย รู้แค่ว่าวันนี้ได้ซ้อมโซน 2 ยาวๆ ได้ก็เพราะวิ่งกับครอบครัว สมกับเป็น Fun Run จริงๆ ครับ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

buttons=(Accept !) days=(20)

Our website uses cookies to enhance your experience. Learn More
Accept !