ค่านิยม คำนิยาม - ค่าของคนอยู่ที่ไหน? ผลของงาน หรือ ผลของการกระทำ
กันยายน 27, 2560
0
พอดีอ่านหนังสือเด็กๆ "สอนเด็กอย่างไรให้ ดี เก่ง มีความสุข" เจอคำนึงคือ ค่าของคนอยู่ที่ผลของการกระทำ เลยเอามาแชร์ความคิดเห็น และมานั่งคุยกันดีกว่า จริงๆ บอกเลยว่าคงไม่มีผิดและถูก สำหรับทุกคน ความคิดเห็นเราต่างกัน แต่เราคุยกันได้นะ ผมเลยมาแชร์ส่วนของความคิดเห็นว่า ค่าของคน ดูที่ไหนกันแน่?
ค่าของผลอยู่ที่ผลของการกระทำ ในหนังสือเกริ่นก่อนเลยคือ ตอนเราเด็กๆ มักจะมีความฝัน แต่ว่ามักจะเลือนหายไปตามเวลา ตามการปลูกฝัง จากแต่ก่อนเด็กๆ เคยเห็นความดี เช่น อยากเป็นอะไรตอนโต เด็กๆ จะตอบว่า เป็นตำรวจไว้จับผู้ร้าย หรือเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้ แต่พอโตมาคือ เป็นตำรวจทำไม เหนื่อย หรือไม่เป็นตำรจสิ เอาไว้ช่วยครอบครัวได้ เวลามีปัญหา หรือมีใครจะคิดว่า เป็นตำรวจสิ เก็บส่วนได้เยอะ? ยังมีอีกไหมที่บอกว่า จับโจรเพื่อให้สังคมสงบสุข? เช่นเดียวกับ เป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้? จริงๆ ไม่ใช่เลย เรียนหมอเถอะ เพราะจะได้สบาย เพื่อจะได้ตังค์เยอะๆ เงินเดือนแพงๆ (จริงๆ เราถูกปลูกฝังมาว่า ต้องหาอาชีพที่มีเงินเดือนเยอะๆ ซึ่งหมอก็เป็นอันดับต้นๆ ในทางเลือก) เป็นหมอสิ จะได้เปิดคลินิก ได้ตังค์เพียบ หรือ จะได้รับจ๊อบที่โรงพยาบาลเอกชน ได้ตังค์เยอะนะ จะมีสักที่คนที่ทำตามความฝันเมื่อวัยเด็กว่า เป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้ สังคมจะได้ดีขึ้น คนป่วยจะน้อยลง มีความสุขใจในการช่วยเหลือคนอื่น? มีอีกไหม
นั่นเป็นตัวอย่างเล็กๆ ที่ผมเอามาขยายต่อจากหนังสือเล่มนั้น ซึ่งเอาจริงๆ ผมเองก็ถูกปลุกฝังมาว่า ให้เรียนเก่งๆ ทำงานดีๆ จะได้มีเงินใช้เยอะๆ นั่นหมายถึง พ่อแม่เราลำบาก ลงแรงมากว่าจะได้เงินแต่ละบาท มาส่งเสียให้ลูกเรียนจนจบ จะได้งานดีๆ ทำ แต่มันถูกต้องใช่ไหม? ถ้าเด็กๆ ที่ส่วนใหญ่ถูกบังคับ และชักจูงจากผู้ใหญ่ ให้เรียนในด้านที่ตัวเองไม่อยากเรียน แต่อนาคตได้ตังค์เยอะ เชื่อพ่อแม่เถอะ อนาคตจะได้สบาย? เค้าอาจจะสบายกาย แต่ไม่สบายใจ จนสุดท้าย อาจจะเกิดปัญหาระหว่างทาง ตามที่เราได้ยินข่าวคราว ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายจากการสอบไม่ติด หรือไม่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ซึ่งจริงๆ ถ้าเทียบกับคนทั่วๆ ไป แล้วดีกว่าเยอะ ยังมีคนสอบตก ไม่มีที่เรียน หรือยังมีอีกหลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จมากกว่าที่คนเหล่านั้นคิด
ค่าของคนอยู่ที่ไหน? สำหรับผมเอง ในการทำงาน คนส่วนใหญ่ หรือบริษัทก็ต้องการผลของงานอยู่แล้ว คุณจะเครียด จะมีปัญหาอย่างไร ก็ไม่รู้ แต่งานต้องบรรลุตามเป้าหมาย แล้วคุณจะมีค่าของคน (ในมุมบริษัทและการทำงาน) แต่คุณอาจจะขาด ค่าของคน ในแง่ของครอบครัว เมื่อกลับบ้านสี่ทุ่ม ไม่มีเวลาให้ครอบครัว นั่นคือ ค่าของคนของคุณหายไป ในมุมของครอบครัว ดังนั้นค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน คือใช่ เมื่อเราอยู่ในสังคมวัตถุที่ต้องแก่งแย่ง แข่งขัน และดำรงชีวิตเพื่อเงินเลี้ยงชีพล่ะครับ
แต่จากตัวอย่างในหนังสือ คือ เรามักจะเห็นคนเก่งอยู่เต็มไปหมด ทำงานดี มีรายได้ มีหน้ามีตาในสังคม แต่สรุปคือ เราไม่เคยรู้เลยว่าภายในจิดใจของเขาเหล่านั้นมีความสุขที่แท้จริงหรือไม่ พวกเขาเหล่านั้นมีปัญหาอะไรบ้างอาจจะเป็นปัญหาที่เราคาดไม่ถึง และหากเราไปยืนอยู่ในจุดนั้นก็ คงคิดอยากจะกลับมาตรงจุดเดิมก็ได้ เพราะเราคิดกันไปเองว่า คนที่มีพร้อมทั้งทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียง หน้าตา แล้วต้องมีความสุขเสมอไป
ค่าของคนอยู่ที่ผลของการกระทำ อันนี้ที่เราควรยึดถือ เพราะว่าอะไร หากคุณมีทั้งชื่อเสียง มีคนรู้จักเยอะ มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีทุกอย่างครบ แต่การได้มาของสิ่งเหล่านั้น ไม่ได้มาจากการกระทำที่ถูกต้อง เบียดเบียนคนอื่น หรือรีดไถคนอื่นมา แบบนี้คือการกระทำที่ไม่ดี และลึกๆ คนเหล่านี้ก็จะไม่เจอความสุขที่แท้จริง จะเจอแต่คนไม่จริงใจ เพราะคนเข้ามาคบหาด้วยก็จะมาเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ นั่นเอง แต่ถ้าการกระทำที่ผ่านมาล้วนทำในสิ่งที่ดี ผลตอบแทน หรือคนี่เข้ามาหาก็จะเจอแต่สิ่งดีๆ
โดยหนังสือยกตัวอย่างของคนเก่งและคนดี คือ ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่ทุกคนคนรู้ดีกว่า ได้ทำงานที่ นาซ่า และสร้างชื่อเสียงมากมาย แต่ท่านก็ยึดหลักการสร้างคนให้มีเป็นคนดี มากกว่าเป็นคนเก่ง เพราะเป็นคนดีแล้วจะเป็นคนเก่งโดยอัตโนมัติ ซึ่งตรงนี้หากใครไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์
ดังนั้นการเลี้ยงลูก หรือเด็กๆ ในยุคต่อไปที่คุณจะเลือก ก็ลองคิดดูว่าอยากให้เป็นคนเก่งหรือเป็นคนดี หรือจะเลือกเป็นทั้งสองอย่าง ซึ่งทั้งหมดนั้นก็อยู่ที่ คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านล่ะครับ
หนังสือเล่มนี้ลองหาซื้ออ่านได้ครับ รับรองว่าคุ้ม
ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ ไว้เอามาแชร์กันใหม่ละกัน คิดเห็นยังไงมาเม้นท์แลกเปลี่ยนกันได้นะ
Tags