ยังวนอยู่กับ iPhone 12 ครับ เพิ่งจัดกันไป แต่ล่าสุด กระแสของ Huawei Mate 40 ก็มาแล้วนะ อาทิตย์หน้าได้รู้กันว่า จะสู้ราคา หรือสู้โปรโมชั่นแค่ไหน เพราะยังไงซะก็ยังใช้ Google Service ไม่ได้ยาวไป และ Huawei เองก็รู้ดี และเดินเกมของตัวเองเต็มที่เช่นกัน กลับมาที่ iPhone 12 แน่นอนว่าก็โดนกับเขาบ้าง เหมือนคนทั่วไปนี่ล่ะ ซึ่งเหตุผลเดิมๆ ที่ให้กับตัวเองไว้ก็คือ 5G ซึ่งมันก็แจ่มจริง รับ 5G ได้ แต่ประเด็นคือ แบตไหลเป็นน้ำเลยจ้า เนื่องจากเครือข่าย 5G เป็นคลื่นความถี่สูงดังนั้นการส่งสัญญาณความถี่ออกมาจึงไม่ได้กว้างเท่ากับคลื่นที่ผ่านมาเหมือนดังเช่น 4G ซึ่งนอกจากเรื่องคลื่น ก็มีเรื่องของการวางแผนปักเสาสัญญาณให้กระจายได้ครอบคลุมมากกว่า ส่วน 5G ตัวเครื่องก็ต้องเร่งขยายสัญญาณภาครับในตัวให้แรงมากขึ้นเพื่อจะได้จับสัญญาณได้อย่างเสถียรนั่นเอง นี่เป็นอีกจุดนึงที่เคยเกิดปัญหามาแล้วในยุคที่เปลี่ยนผ่านจาก 3G มา 4G ฉันใดก็ฉันนั้นครับ 5G ก็เหมือนกัน ดังนั้นการที่แบตของ iPhone 12 ไหลลงเร็วกว่าการใช้งาน iPhone 11 ก็เป็นเรื่องปกติก็ว่าได้ แต่นี่ก็คงเป็นช่วงแรกนั่นเอง เชื่อว่าทั้ง Apple และ Operator ก็คงมีการปรับเรื่องสัญญาณให้ดีขึ้น รวมถึง Apple เองก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ กับรุ่นใหม่ที่อัพ iOS ใหม่ และดูดแบตมากขึ้น ต้องปรับเฟิร์มแวร์มาแก้กันไป ซึ่งตอนนี้หากต้องการบรรเทาการไหลของแบตลองทำวิธีนี้ดูครับ ก่อนอื่นให้เปิดโหมดประหยัดพลังงานเลยครับช่วยได้ระดับนึง ซึ่งอยู่ด้านบนสุดของการตั้งค่าในหัวข้อแบตเตอรี่ และอีกจุดนึงที่คงช่วยได้แน่นอนคือ ปรับในการตั้งค่า เซฃลูลาร์ ให้เลือก ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์ และเลือกเปิดรับเฉพาะ 4G ซึ่งปกติ iPhone 12 จะถูกต้องค่าไว้ที่ 5G อัตโนมัติ นี่ขนาดไม่ได้ตั้ง 5G ตลอด ยังลดซะใจหายเลย อีกอันนึงคือโหลดประหยัดข้อมูล จะช่วยให้หยุดพวกแอปต่างๆ ที่ใช้งาน data อยู่เบื้องหลังได้อีกระดับนึง วางๆ เอาไว้ไม่ได้ใช้ data ก็เป็นการลดการใช้งานแบตเตอรี่ไปในตัว และพวกหน้าจอ dark mode ก็พอช่วยได้นะครับ เอาเป็นว่าอย่างน้อยการตั้งค่าสองสามอย่างนี้ก็ช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ไปได้บ้าง อาจจะไม่ได้มากมายนักแต่พยายามปรับหลายส่วนก็จะดีใช้งานได้อึดขึ้นเอง แต่อย่างว่าโดนของแพงมาแต่แบบใช้ไม่เต็ม แล้วจะซื้อมาทำไม นั่นน่ะสิ ส่วนตัวคือผมเปิดเต็มไว้อยู่แล้ว ค่อยหาที่ชาร์จเอา เพราะไงก็รองรับชาร์จเร็วตามมาตรฐาน Apple อยู่แล้ว แต่อีกกรณีนึงคือช่วงแรกตัวเครื่องจะศึกษาพฤติกรรมการใช้งานของเราและจะปรับการใช้งานแบตเตอรี่ให้อึดขึ้นหรือเหมาะกับการใช้งานแต่ละคน การปรับลักษณะนี้ Smartphone ในช่วงหลังก็จะใช้คอนเซ็ปท์เดียวกันนี่ล่ะ เราจะเห็นว่าเรื่องแบตเตอรี่ มักจะคงเป็นปัญหาของ iPhone อยู่ในทุกรุ่นที่ออกมาในช่วงแรก แต่จนสุดท้ายยังไงซะการจัดการพลังงานก็ยังสู้ Huawei ไม่ได้ แม้แต่ Samsung ที่ว่าแน่ๆ ก็ยังไม่ได้เช่นกัน เค้าตาม Apple ไป แต่ Huawei นี่ชัดเจนมาก แบตอึดกว่าใครๆ แน่นอน คงทิ้งท้ายไว้ว่า Huawei Mate 40 จะมาอันใกล้นี้ ใครที่ลังเลว่า iPhone มีปัญหาหรือยังไง ก็อาจจะลองดูอีกค่ายก่อนก็ไม่เสียหายนะ ใครเจอแบตไม่ไหลก็ถือว่าโชคดี หรือลักษณะการใช้งานถูกต้อง หรือไม่ก็ได้เครื่องดีแล้วล่ะครับ ส่วนใครที่ยังไหลเหมือนผมก็ทำตามวิธีดูก็แล้วกันนะ บายล่ะวันนี้ ขอตัวไปหาที่ปิดน้ำก่อน ยังไหลไม่หยุด ฮ่าๆ