🌍Part-II : จุดเริ่มต้นของ "เนื้อเรื่อง" และสูตรสำเร็จของเกมต่อสู้ ที่ Street Fighter วางรากฐานไว้
🧱 มินิเกมสุดคลาสสิก: Bonus Round ที่มีอิทธิพลยาวไกล
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญคือ รอบโบนัส (Bonus Round) ที่ให้ผู้เล่นต้อง ทุบก้อนอิฐ ให้แตกด้วยมือเปล่า แม้เวอร์ชันนี้จะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าที่เห็นใน Street Fighter II หรือ Mortal Kombat แต่ก็เป็นการเปิดทางให้มินิเกมเหล่านี้ กลายเป็นมาตรฐาน ของเกมต่อสู้ยุคต่อมา
🗺️ แผนที่โลก: ความรู้สึกแห่งการผจญภัย
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่สร้างความรู้สึกตื่นเต้นได้ดี คือ แผนที่โลก (World Map) ที่แสดงให้เห็นว่า Ryu เดินทางจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศ เพื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้จากหลากหลายวัฒนธรรม
แม้ว่าแผนที่นี้จะหายไปในภาคต่อ ๆ มา แต่มันได้สร้าง “บรรยากาศของการผจญภัย” และทำให้โลกของเกมดู กว้างใหญ่และหลากหลาย อย่างแท้จริง
😤 วาทะจากคู่ต่อสู้: แพ้แล้วยังมีหน้ามาพูดอีก!
หนึ่งในความสนุกที่แปลกตาคือ เสียงพากย์ของคู่ต่อสู้เมื่อพวกเขาแพ้ ซึ่งมักจะพูดประโยคถากถางหรือดูถูกผู้เล่นในน้ำเสียงที่แสนจะตลก
อีกทั้งยังมีเอฟเฟกต์ ใบหน้าบูดเบี้ยวของคู่ต่อสู้ ที่เราได้เห็นอีกครั้งใน Street Fighter II แสดงให้เห็นว่าไอเดียจากภาคแรกหลายอย่าง ได้กลายเป็น “รากฐานถาวร” ของซีรีส์
🎞️ เนื้อเรื่อง: จุดขายที่ล้ำหน้ากว่าเกมยุคเดียวกัน
หากเทียบกับเกมตู้ยุค 80s ส่วนใหญ่มักเน้นเพียงการต่อสู้แบบไม่มีเนื้อหา แต่ Street Fighter I กลับเลือกที่จะ สร้างเรื่องราวให้กับตัวเกม
แม้ผู้เล่นจะสามารถควบคุมได้แค่ Ryu เพียงคนเดียว แต่เกมนี้ได้เปิดตัวตัวละครมากมายที่ต่อมากลายเป็นตัวหลักของแฟรนไชส์ เช่น Ken, Balrog, Birdie, Gen, Adon และ Sagat บอสสุดโหดที่ตัวใหญ่จนกินพื้นที่ครึ่งจอ
🌐 ศึกทั่วโลก กับตัวละครที่มีชาติกำเนิดเฉพาะตัว
ตัวละครแต่ละตัวใน Street Fighter I มาจากประเทศที่แตกต่างกัน และฉากต่อสู้ของแต่ละคนก็สะท้อน วัฒนธรรมและภูมิประเทศ ของบ้านเกิดตัวเอง Ryu ต้องเดินทางไปสู้ ในถิ่นของคู่ต่อสู้ ซึ่งช่วยเพิ่มบรรยากาศแห่งความท้าทาย
🧠 Nishiyama และแนวคิดเรื่อง "ตัวละครมีชีวิต"
ในบทสัมภาษณ์ Takashi Nishiyama ได้เปิดเผยว่า:
“ผมอยากให้เกมนี้มีเนื้อเรื่องเหมือนหนัง เราถึงกับคิดรายละเอียดของตัวละครที่ไม่เคยใส่ลงในเกมด้วยซ้ำ อย่างเช่น พวกเขาชอบกินอะไร มีพี่น้องไหม ฯลฯ Street Fighter ต่างจากเกมอื่นตรงที่เราพยายามสร้างตัวละครให้มีมิติ”
แม้ผู้เล่นจะไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่ “ความลึก” เหล่านี้สามารถ รู้สึกได้ระหว่างการเล่น ผ่านทั้งภาพใบหน้าของตัวละคร บรรยากาศของฉาก และความรู้สึกของการเดินทางของ Ryu
⏱️ ระเบิดเวลาแห่งความตึงเครียด: หน้าจอ Continue ที่ไม่ธรรมดา
แม้แต่ในหน้าจอ Continue เมื่อผู้เล่นแพ้ ก็ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวที่เข้มข้น ด้วย นาฬิกานับถอยหลัง คล้ายระเบิดเวลา สร้างความรู้สึกว่า:
"นี่ไม่ใช่แค่การแข่ง... Ryu กำลังต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง!"
มันทำให้ผู้เล่นตั้งคำถามว่า เรากำลังสู้ใน ทัวร์นาเมนต์ธรรมดา หรือว่าอยู่ในการต่อกรกับ องค์กรลับบางอย่าง กันแน่?
แนวคิดนี้จะได้รับการขยายต่อใน Street Fighter II เมื่อมีการเปิดตัวองค์กร Shadaloo อย่างเป็นทางการ
💬 ความคิดเห็นเพิ่มเติม:
Street Fighter ภาคแรกอาจยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็น แหล่งเพาะเมล็ดพันธุ์ ที่เติบโตกลายเป็น “ต้นไม้ยักษ์แห่งวงการเกมไฟท์ติ้ง” ไม่ว่าจะเป็น Bonus Round, ตัวละครหลากสัญชาติ, การเดินทางรอบโลก หรือเนื้อเรื่องที่มีความลึก ที่สำคัญ มันพิสูจน์ว่าเกมต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่การกดปุ่มตี ๆ เตะ ๆ แต่สามารถเป็น ประสบการณ์ทางอารมณ์ ได้ด้วย ถ้ามีการเล่าเรื่องที่ดีและตัวละครที่มีมิติ
อ่านเพิ่มเติม ย้อนรอยตำนาน Street Fighter ภาคแรก: จุดเริ่มต้นของเกมต่อสู้ที่เปลี่ยนโลก - Part 0
- ย้อนรอยตำนาน Street Fighter ภาคแรก: จุดเริ่มต้นของเกมต่อสู้ที่เปลี่ยนโลก - Part I